ตม.แถลงจับแก๊งขอทานคนจีน 6 คน ในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่กรุงเทพมหานคร เผยบางคนมีความสัมพันธ์รู้จักกัน และบางวันมีรายได้จากการขอทาน สูงถึง 10,000 บาทต่อวัน พบเส้นทาง เผยบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของกลุ่มขอทานดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากอุบัติเหตเพลิงไหม้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีรายใดให้การว่าถูกทรมานหรือถูกบุคคลอื่นทำร้ายแต่อย่างใด ขณะที่ไล่กวาดล้างกลุ่มคนขอทานที่แต่งตัวเป็นชาวตะวันออกกลาง ย่านซอยนานา สร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยว
27 พ.ย.66 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า จากข้อมูลพบว่ากลุ่มผู้ต้องหา ยังได้ลักลอบเข้าไปขอทานในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ส่วนคนไทยที่ทำหน้าที่เป็นล่าม เบื้องต้น ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเข้าไปหาประโยชน์กับผู้ร่วมกระทำผิด
จากการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าขอทานสัญชาติจีนดังกล่าวทั้ง 6 ราย บางรายรู้จักกัน บางรายไม่รู้จักกัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนมาประกอบอาชีพขอทานที่ประเทศไทยแล้วทำเงินได้ดี ก็จะพากันมาทำแบบเพื่อน โดยบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของกลุ่มขอทานดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากอุบัติเหตเพลิงไหม้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีรายใดให้การว่าถูกทรมานหรือถูกบุคคลอื่นทำร้ายแต่อย่างใด กลุ่มขอทานเหล่านี้ได้ใช้ความน่าสงสารของตนเพื่อดึงดูดให้ประชาชนทั่วไปเห็นใจและบริจาคเงินให้ ซึ่งบางวันได้รับรายได้มากกว่า 10,000 บาท โดยการมานั่งขอทานไม่มี การถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด ประกอบกับการเดินทางมาขอทานตามจุดต่างๆ ทุกคนล้วนเดินทางมาเองโดยรถโดยสารสาธารณะ และการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคนล้วนเช่าห้องพักด้วยตนเอง
นอกจากนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของขอทานทั้งหมด ปรากฏว่าเงินที่ได้จากการขอทาน จะนำเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลหยวนของประเทศจีน เพื่อโอนเข้าบัญชี ของตัวเองไม่ได้ส่งหรือแบ่งให้กับผู้อื่น ส่วนกรณีหญิงไทยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มขอทานสัญชาติจีนดังกล่าวนั้น ข้อเท็จจริงทราบว่า มาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้กับกลุ่มขอทานสัญชาติจีน เนื่องจากบางคนเคยใช้ให้เป็นล่ามให้กันมาก่อนหน้านี้
โฆษก สตม. เปิดเผยว่า ได้ปฎิบัติกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเข้มงวด วางแนวนโยบาย คือการสกัดกั้นและป้องกันการเดินทางเข้าประเทศ ตามด่านประตูทางเข้า ทั้งทางอากาศ ทางบก พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่มีพฤติการณ์ส่อเป็นผู้กระทำผิด
ส่วนคนต่างชาติที่เป็นผู้พิการ และได้เดินทางเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก แนวทางปฏิบัติถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากบางคนเดินทางเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวจริง แต่ได้มีมาตรการตรวจสอบการยืนยันที่พัก ตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับ หรือมีแผนในการท่องเที่ยวอย่างไร และเมื่อเข้ามาแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องให้ความร่วมมือการลงทะเบียนที่พัก พร้อมสั่งให้ ตม.ทุกพื้นที่ ทำการตรวจสอบ แหล่งที่นักท่องเที่ยว อาศัยตามชุมชนให้มากขึ้น
พล.ต.ต.พันธนะ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบกรณีกลุ่มคนขอทานที่แต่งตัวเป็นชาวตะวันออกกลาง โดยบก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กรุงเทพฯ ว่า มีแก๊งขอทาน คนต่างด้าวสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับร้านค้าและนักท่องเที่ยวย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กรุงเทพฯ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าว เป็นกลุ่มคนสัญชาติจอร์แดน ซึ่งพักอาศัยอยู่โรงแรมย่านซอยนานา สุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยจะนัดรวมตัวกันบริเวณหน้าห้างนานาสแควร์ จากนั้นจะแยกย้ายกันขอทานในลักษณะรบเร้า เดินตามนักท่องเที่ยวที่กำลังซื้อสินค้าในร้าน และเมื่อนักท่องเที่ยวให้เงินแล้วยังเดินตามมาขอเงินซ้ำอีก โดยจะมาเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 2-3 ราย และจะอุ้มเด็กเล็ก จูงมือเด็กโต เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกสงสาร บางครั้งจะยืนรอนักท่องเที่ยวที่ตู้กดเงินสด เมื่อนักท่องเที่ยวมากดเงินจะเข้าไปหาเพื่อขอเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวบางรายต้องให้เงินจำนวน 500-1,000 บาท กลุ่มคนดังกล่าวจึงจะยอมเลิกขอเงิน
ต่อมา กก.2 บก.สส.สตม. และ กก.สส.บก.ตม.1 ได้เข้าตรวจสอบโรงแรมย่านซอยนานา สุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของกลุ่มขอทานดังกล่าว พบคนต่างด้าวสัญชาติจอร์แดนเป็นผู้ใหญ่ 7 ราย (ชาย 3 ราย, หญิง 4 ราย) และผู้ติดตาม 16 ราย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มที่ตระเวนขอทานบริเวณซอยนานา และเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ผู้ประกอบการถ่ายภาพ และคลิปวีดีโอไว้ จึงได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางของกลุ่มดังกล่าวพบว่า ทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และจากการตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม.พบว่ามีคนต่างด้าว 1 ราย การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน สตม. ดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนรายอื่นตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม.จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน เชื่อว่าเข้ามาเพื่อประกอบกิจการที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการกักตัวรอส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรต่อไป
นอกจากนี้ สตม. ยังได้มีการระดมกวาดล้างจับกุมคนต่างด้าว ในข้อหา กระทำการเป็นขอทานตาม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เช่น เมืองพัทยา, จว.เชียงใหม่ และ จว.ภูเก็ต ทำให้สามารถจับกุมต่างด้าวขอทานได้อีก จำนวน 33 ราย โดยแบ่งออกเป็น สัญชาติกัมพูชา 26 ราย, สัญชาติเมียนมา 2 ราย, สัญชาติรัสเซีย 2 ราย, สัญชาติกัมพูชา 1 ราย และสัญชาติจีน 2 ราย ซึ่งภายหลังจากการจับกุม คนต่างด้าวที่เข้ามาขอทานในประเทศไทยทั้งหมด จะถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้าม
ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยระดมกวาดล้างจับกลุ่มต่างด้าวข้อหาจะทำการขอทาน ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต สามารถจับกุมต่างด้าวขอทานได้จำนวน 33 คน โดยแบ่งเป็นสัญชาติกัมพูชา 26 คน สัญชาติเมียนมา 2 คน สัญชาติรัสเซีย 2 คน สัญชาติกัมพูชา 1 คน และสัญชาติจีน 2 คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บประวัติคนต่างด้าวที่เข้ามาขอทานในประเทศไทย และจะขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้าม หรือขึ้นแบล็คลิสต์ไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี