DSIรุกคดีหมูเถื่อน
แจ้งข้อหาอีกชิปปิ้ง
2บริษัทนำเข้า41ตู้
โร่นำเอกสารชี้แจง
ดีเอสไอ เดินหน้าสางคดีหมูเถื่อน ด้าน “บริบูรณ์” อีกหนึ่งชิปปิ้ง รายใหญ่ของ 2 บริษัทนำเข้าหมูเถื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมชี้แจงปมนำเข้า 41 ตู้ หมูเถื่อน
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีกับขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทซากปศุสัตว์ (สุกร) หรือหมูเถื่อน เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ เป็นคดีพิเศษที่ 59/2566 ภายหลังมีการสืบสวนสอบสวนการนำเข้าหมูเถื่อน ตั้งแต่ปี 2564-ปัจจุบัน กระทั่งได้ขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าสินค้า หรือชิปปิ้ง 10 ราย (จับกุมครบแล้ว) และจับกุม 2 ผู้ต้องหา (นายวิรัชและนายธนกฤต ภูริฉัตร) ในกลุ่มนายทุน ก่อนจะออกหมายเรียกนายทุนอีก 1 ราย (หนึ่งในกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด) และเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีการสรุปสำนวนผู้ต้องหาลอตแรกกว่า 20 ราย เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทเอกชนที่นำเข้าสินค้าประเภทซากสุกร ต่อสำนักงาน ป.ป.ช.ว่าขณะนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังคงเดินหน้าขยายผลขบวนการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ต้องหาลอตแรก ที่ส่ง ป.ป.ช.ไปแล้วนั้น ยังมีการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขยายผลในกรณีเป็นขบวนการองค์กรอาชญากรรม ที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ เป็นคดีพิเศษอีกคดี หลังจากพบว่าเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตู้หมูเถื่อนเกือบ 1 หมื่นตู้ ในช่วงปี 2564–ปัจจุบัน มีเงินหมุนเวียนในกิจการกว่า 7 พันล้านบาท มีทั้งข้าราชการประจำ และนักการเมือง ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้เข้าไปเกี่ยวข้อง
ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ภายใต้การกำกับดูแลสำนวนของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีฯ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการขยายผลในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ อย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหากลุ่มบริษัทชิปปิ้งได้ทั้งสิ้น 10 ราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมขอศาลออกหมายจับอีก 2 บริษัท (1 กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม) ได้แก่ บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เนื่องจากพบว่าทั้งสองบริษัท มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตู้หมูเถื่อน 41 ตู้ มีเงินหมุนเวียนหลักพันล้านบาท และกรรมการรายนี้ยังเกี่ยวข้องกับข้าราชการฝ่ายการเมืองด้วย
ต่อมาเวลา 10.00 น.นายบริบูรณ์ ลออปักษิณ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ปากคำชี้แจงถึงการนำเข้าตู้ที่อ้างว่าเป็นหมูเถื่อน เนื่องจากตามรายงานระบุว่า นายบริบูรณ์ รับหน้าที่เป็นทั้งบริษัทชิปปิ้งและนายทุน
ทั้งนี้ ภายหลังเข้าให้ปากคำเสร็จสิ้น ทางพนักงานสอบสวนได้เตรียมพิจารณาแจ้งข้อหาในความผิดฐานนำของผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และความผิดฐานนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักร ซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 อย่างไรก็ดี ทางคณะพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำนายบริบูรณ์ และตรวจสอบวัตถุพยานและเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี