nn ข้าราชการ กทม.ส่งข่าวถึง “ไผ่ฎำ” ว่า เรื่องรถบรรทุกดินเกินกว่ากฎหมายกำหนดนั้น กทม.ได้จับมือกับกรมทางหลวงตรวจจับรถบรรทุกเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ที่ไม่คิดถึงความเสียหาย และผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนอย่างจริงจังแล้ว ต้องยอมรับว่ารถบรรทุกที่มีปัญหาหนักเมื่อบรรทุกเกินกว่ากฎหมายกำหนด คือรถบรรทุกดิน ซึ่งส่งผลให้ถนน ทรุด-ยุบ-พัง ที่ผ่านมาหากถ้าประเมินความเสียหายเป็นตัวเงินต่อปีนับหลายร้อยล้านบาททีเดียว และที่ผ่านมาเช่นกันหากไม่เกิดเหตุความเสียหายร้ายแรง อื้อฉาวออกมา การปัดกวาดความเรียบร้อยโดยการวางกฎเกณฑ์เข้มงวดก็อาจจะไม่เกิดขึ้น ที่สำคัญการออกมาเปิดเกมรุกของผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยร่วมกับตำรวจ, กรมทางหลวง ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตรงตามปัญหาแล้ว เพราะปล่อยกันมานานๆ พอที่คนได้ประโยชน์เสพสุขจนอิ่มหมีพีมันไปตามๆ กัน ขณะที่ประชาชนคนเสียภาษีไม่มีช่องทางใดซึ่งแลเห็นอยู่ตลอด จะออกมาแสดงการต่อต้านแสดงความไม่เห็นด้วยกับสิ่งเลวร้ายดังกล่าวได้เลย เพราะขาดอำนาจ แม้แต่ กทม.ก็ขาดอำนาจที่เด็ดขาดชัดเจน สืบเนื่องจาก กฎหมายไม่ให้อำนาจ จับ-ปรับ ที่มีอยู่ในมือก็แค่ระเบียบ กับ พ.ร.บ.ระดับสามเณร หรือพระลูกวัดมีอำนาจเท่านั้น...

nn ดังนั้นเมื่อตำรวจออกมาเล่นกรมทางหลวงออกมาร่วม หรือกรมการขนส่งทางบกออกมาสมทบก็ยิ่งเป็นการดี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผู้ว่าฯชัชชาติทุบโต๊ะตั้งแต่เมื่อรถบรรทุกดินน้ำหนักเกินตกท่อสายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง จนทำถนนพินาศเกิดเป็นข่าวใหญ่ จากนี้ไปถึงเวลาแล้วที่ กทม.ต้องมีเครื่องชั่งของตนเอง ซึ่งว่ากันว่างานนี้ผู้ว่าฯชัชชาติเดินหน้าเต็มกำลัง แม้ กทม.จะไม่มีพลังเหมือนเฉกเช่น ตำรวจ แต่จะทำงานตรวจจับประสานกันเข้มข้น ท่ามกลางที่ตำรวจเองก็มองเห็นปัญหาทรามๆ ดังกล่าวเป็นประเด็นเดียวกันที่ต้องสะสางใช้ยาแรง...

nn สำหรับ กทม. ได้ตกผลึกแล้วจะนำเอา AI ปัญญาประดิษฐ์ไปติดตั้งใต้สะพานทั่ว กทม. เมื่อรถวิ่งผ่านสะพานระบบที่ว่าจะทำงานประเมินผลออกมาทันทีว่ารถบรรทุกมักง่ายบรรทุกน้ำหนักเท่าไหร่ พร้อมมีการจับภาพไว้เป็นหลักฐานมัดตัวทั้งคนขับ (ผู้รับจ้าง) รวมทั้งเจ้าของรถบรรทุกเหนืออื่นใดตั้งแต่ กทม.มีการกวดขัน ด้วยการสุ่มตรวจตั้งด่านร่วมช่างน้ำหนักรถบรรทุกดินเห็นแก่ตัวแบบตรงไปตรงมา ปรากฏว่าส่วนใหญ่บรรทุกเกิน 25 ตันแทบทั้งสิ้นถือว่าผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้สร้างวงจรอุบาทว์เลวร้ายให้กับสังคมอย่างมากทีเดียว...nn

ไผ่ฎำ