ดีเอสไอค้น 3 จุดห้องเย็นนครปฐม ผงะเจอเนื้อหมูแช่แข็ง 17 ตัน เตรียมส่งขายร้านชาบู
จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินคดีพิเศษที่ 59/2566 ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ และเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนผู้ต้องหาล็อตแรกกว่า 20 ราย ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทชิปปิ้งเอกชนไปแล้วนั้น ทางดีเอสไอ ยังได้ขยายผลการสืบสวนกรณีขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่กลุ่มใหม่ เป็นอีกคดีพิเศษ หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตู้หมูเถื่อนเกือบ 10,000 ตู้ในช่วงปี 2564 - ปัจจุบัน เงินหมุนเวียนในกิจการกว่า 7,000 ล้านบาท มีทั้งข้าราชการประจำและนักการเมืองเข้าไปพัวพัน
ล่าสุดวันนี้ (7 ธ.ค.66) ที่บริษัทขายส่งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แห่งหนึ่งใน ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกันนำหมายค้นจากศาลอาญา 3 ฉบับ เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด หลังขยายผลพบว่าทั้ง 3 แห่งเกี่ยวข้องกับเนื้อหมูเถื่อนของบริษัทสองพ่อลูก จึงต้องทำการเข้าตรวจค้นเพื่อตรวจยึดพยานวัตถุและพยานเอกสาร
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นบริษัทห้องเย็นใน จ.สมุทรสาคร เพราะสองพ่อลูกได้ชี้แจงว่ามีการนำเนื้อหมูไปฝากแช่ไว้ แต่เมื่อไปถึงไม่พบหมูเถื่อนของกลาง พบเพียงเอกสารที่ทางบริษัทยืนยันว่าไม่ได้รับฝากแช่ตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เพราะมีการสำแดงเท็จโดยใช้เอกสารข้อความเท็จ จึงเป็นสาเหตุให้ดีเอสไอขยายผลต่อเนื่อง จนสืบสวนพบจากเส้นทางการเงินว่าบริษัทใน ต.ทุ่งน้อย มีการโอนเงิน 220 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาสองพ่อลูก ในช่วงปี 2565-2566 โดยที่ไม่มีนิติกรรมซื้อขายระหว่างกันมาก่อน จึงเป็นข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนของสองพ่อลูก ในจำนวนประมาณ 282 ตู้ ที่เคยกล่าวอ้างว่านำไปฝากไว้ที่บริษัทห้องเย็นในสมุทรสาคร ดังนั้นวันนี้จึงเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่ใน จ.นครปฐม เพื่อตรวจค้นพยานหลักฐานหาความเชื่อมโยง เนื่องจากสองพ่อลูกและเจ้าของพื้นที่เป้าหมายเคยมีความสัมพันธ์ทำงานที่เดียวกันมาก่อน พื้นที่เป้าหมาย3 จุด พบชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง เป็นประเภทเนื้อหมูสามชั้น รวมน้ำหนัก 17,000 กิโลกรัม หรือ 17 ตัน
ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจค้นเบื้องต้นสำหรับ 3 พื้นที่เป้าหมาย พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นวันนี้ เราได้พบเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับความเชื่อมโยงในการซื้อขายชิ้นส่วนสุกร ซึ่งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจยึดไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนชิ้นส่วนสุกรที่พบในวันนี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ดำเนินการอายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมกับกล่าวโทษต่อผู้กระทำความผิดแล้ว ส่วนเนื้อหมูที่พบในห้องเย็นวันนี้ทราบว่ามีการสั่งจากพื้นที่ใน จ.นครปฐม และนอกตัว จ.นครปฐม จากนั้นจะทำการบรรจุสินค้าคล้ายแพ็กเกจสำหรับส่งร้านชาบู และส่งจำหน่ายภายในประเทศไทย ไม่ได้จัดส่งต่างประเทศ
สำหรับพื้นที่เป้าหมายที่เป็นบ้านพัก ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นแล้วไม่พบเจ้าของบ้าน มีเพียงพนักงาน และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายในบ้านพักแต่อย่างใด เท่าที่ตรวจสอบดูหมูในห้องเย็นค่อนข้างพิสูจน์ได้ยาก ว่าเป็นหมูมาจากที่ไหน เพราะมันถูกหั่นเป็นชิ้นไว้ในถุงพลาสติก แต่ดีเอสไอก็จะขยายผลหาต้นตอต่อไป
ด้าน น.ส.ขนิษฐา พืชพันธุ์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ปศุสัตว์อำเภอเมืองนครปฐม กล่าวว่า ของกลางหมูสามชั้น 7 ตัน เราจะทำการอายัดไว้ และกล่าวโทษกับผู้กระทำผิด ซึ่งในกระบวนการ เราตะทำเอกสารการอายัด และจะนำหมูสามชั้นไปชั่งน้ำหนัก ลงบันทึกประจำวันกับ สภ.สามควายเผือก ซึ่งจะเสร็จสิ้นหน้าที่ของทางปศุสัตว์ ส่วนเรื่องของการสำแดงสินค้า ในห้องเย็นดังกล่าวทางตัวแทนได้มีการแสดงเอกสารการเคลื่อนย้าย แต่ส่วนที่เราดำเนินคดีคือส่วนที่ผู้ประกอบการไม่มีเอกสารการเคลื่อนย้าย ซึ่งสัดส่วนจำนวนหมูในห้องเย็นนั้นมี 7 ตัน แต่เอกสารที่นำมาสำแดงยังไม่ครบทั้ง 7 ตัน จึงต้องรอทางผู้จัดการของห้องเย็นนำเอกสารมาชี้แจง หรือนำเอกสารสำแดงสินค้ามามอบให้ทางปศุสัตว์ก่อน เพื่อความชัดเจน และต้องดูความถูกต้อง จากการดูด้วยตาเปล่าของหมูที่พบ ยังไม่สามารถสรุปหรือจำแนกลักษณะได้ว่าเป็นหมูนอกหรือหมูไทย แต่ในส่วนที่เราอายัดไว้ ผู้ประกอบการจะเคลื่อนย้ายไม่ได้จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง
ด้านนายชาญวิทย์ โสภาลดาวัลย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองนครปฐม กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าห้องเย็นแห่งนี้มีการเปิดกิจการประมาณ 2-3 ปี แต่ตนเพิ่งย้ายเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ตัวกฎหมายเรื่องการรับรองห้องเย็นมันขึ้นอยู่กับภาคความสมัครใจและไม่สมัครใจ แต่คงต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าห้องเย็นแห่งนี้ได้มาขอขึ้นทะเบียนกับปศุสัตว์หรือไม่ และได้ขึ้นทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ เพราะตนยังไม่มั่นใจ อีกทั้งที่ผ่านมาตนเคยมาดูห้องเย็นแห่งนี้บ้างแล้ว และเขามีใบเคลื่อนย้ายจริง แต่ใบเคลื่อนย้ายอาจจะไม่ครอบคลุม ส่วนการปล่อยน้ำเสียของห้องเย็น เท่าที่ทราบ ไม่มีการร้องเรียนมายังปศุสัตว์ แต่ถ้าชาวบ้านได้รับผลกระทบก็จะต้องแจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล นอกจากนี้ ในส่วนเอกสารที่ทางห้องเย็นได้สำแดงกับปศุสัตว์ ตนยังไม่เห็น เพราะจะเป็นทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่จะดูแลเรื่องนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี