ปลัด มท. มอบนโยบายและข้อราชการสำคัญพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก ประจำปี 2566-2567 ภายใต้แนวคิด "ดินดี น้ำดี ชีวีมีสุข อย่างยั่งยืน : Sustainable Soil and Water for better life" เน้นย้ำ ร่วมกันน้อมนำพระราชดำรัส "แก้ไขในสิ่งผิด" ทำให้คุณภาพดินดีและคุณภาพน้ำดี กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยพลังของผู้นำและทีมภาคีเครือข่าย เพื่อพี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติวาระมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567
14 ธ.ค.66 เวลา 16.30 น. ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 หมู่ที่ 10 ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและข้อราชการสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก ประจำปี 2566-2567 ภายใต้แนวคิด "ดินดี น้ำดี ชีวีมีสุข อย่างยั่งยืน : Sustainable Soil and Water for better life" ให้แก่ข้าราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับเมตตาจาก พระครูมงคลวิสิฐ เจ้าคณะอำเภอแม่แจ่ม เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม ร่วมประชุม โดยมี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายบุญธรรม หอไพบูลย์สกุล รองอธิบดีกรมที่ดิน นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายศักดาวุธ ศักดิเศรษฐ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ นายสุระวุธ จันทร์งาม นายอำเภอแม่แจ่ม ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายกว่า 500 คน ร่วมประชุม
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการพระราชาผู้อนุเคราะห์การศึกษา บริเวณอาคารพระบารมี ซึ่งได้จัดแสดงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อาทิ ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาราชา เกียรติภูมิราชประชานุเคราะห์ 31 และสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และตรวจเยี่ยมการบูรณาการการจัดการเรียนการสอน ในรายวิชาหน้าที่ พลเมือง รายวิชาความรู้คู่คุณธรรม ชมนิทรรศการประวัติศาสตร์เมืองแม่แจ่ม และการดำเนินงานโครงการโรงเรียนอารยเกษตร นำเสนอโดยนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31
จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปยังหอประชุมอินทนนท์ เพื่อเป็นประธานมอบนโยบายและข้อราชการสำคัญให้แก่ข้าราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวว่า ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ท่านนายอำเภอแม่แจ่ม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกคน คือ "ราชสีห์ผู้ภักดี" ผู้เป็นเสาหลักของการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชนชาวแม่แจ่ม ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจมาร่วมกัน Kick off กิจกรรมวันดินโลก ประจำปี 2566-2567 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหัวข้อหลักของการจัดงานว่า "Sustainable Soil and Water for better life : ดินดี น้ำดี ชีวีมีสุข อย่างยั่งยืน" อันเป็นต้นแบบในการที่จะเชิญชวนให้พี่น้องคนไทยทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ 7,255 ตำบล 75,032 หมู่บ้าน 20 ล้านครัวเรือน 50 ล้านคน ได้ตื่นตัวลุกขึ้นมาให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ทั้งดิน น้ำ อากาศ และดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในชุมชน/หมู่บ้านใกล้เคียงกัน ในการที่จะทำให้พื้นที่เป็นแหล่งอาหารตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี "บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง", "ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน" ร่วมกันทำนุบำรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานแนวทาง "แก้ไขในสิ่งผิด" เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องแหล่งน้ำ พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ ได้ลงพื้นที่ติดตามขับเคลื่อนการแก้ไขในสิ่งผิด ด้วยการดูแลให้แหล่งน้ำหายจากสภาพเสื่อมโทรม ที่มีผู้คนบุกรุก มีวัชพืชผักตบชวารุกราน เป็นแหล่งรวมของเสียต่าง ๆ จากฝีมือมนุษย์ เช่น ขยะ น้ำล้างจาน น้ำซักผ้า เมื่อไหลลงแหล่งน้ำธรรมชาติก็จะเน่าเหม็น มีตัวอย่างสำคัญ คือ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ขับเคลื่อนแก้ไขในสิ่งผิดอย่างต่อเนื่องบริเวณ "คลองแม่ข่า" ความยาว 30 - 40 กิโลเมตร ไหลผ่านพื้นที่ทั้งชุมชนเมืองและชนบท โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเมือง บริเวณเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จนทำให้น้ำเสียดีขึ้น และปัจจุบันมีสภาพที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเช็คอิน ถ่ายรูป กลายเป็น Landmark ใหม่ของการท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่
"กระทรวงมหาดไทยได้เชิญชวนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้เอาอย่างจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการคัดเลือกแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัด อย่างน้อย 1 แหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำลำคลอง หนอง บึง ห้วย ดำเนินการมาเป็นเวลา 2 ปี และเข้าสู่ปีที่ 3 โดยขับเคลื่อนภายใต้ชื่อ "โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา" ซึ่งการน้อมนำพระราชดำริมาสู่การฟื้นฟูแหล่งน้ำครั้งนี้ มีนัยสำคัญ คือ ปัญหาด้านแหล่งน้ำมีตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เฉกเช่นปัญหาของดิน เพราะแหล่งน้ำที่มีน้ำเสียจำนวนมากอยู่ในชุมชนเมืองซึ่งเป็นปลายทาง แต่ต้นทาง คือ เรื่องของการเบียดเบียนธรรมชาติ เช่น ตัดไม้ทำลายป่า เผาป่า ฉีดยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า แล้วเอาภาชนะไปล้างในแหล่งน้ำ หรือปล่อยให้สารเคมีจำนวนมากไหลลงตั้งแต่ต้นน้ำ โดยตัวอย่างสำคัญ คือ โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูล เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา ในพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอแม่แจ่ม ที่มีคลินิคเฉพาะทางโรคไต ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้สนองพระราชดำริในการจัดหาแหล่งน้ำให้กับหอผู้ป่วย แต่ทว่า "น้ำแม่แจ่ม" ถูกพบว่ามีสารปนเปื้อน จึงได้ขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมช่วยขุดน้ำแม่แจ่มให้ลึกลงไป ลักษณะบ่อน้ำตื้น และใช้กลไกทางวิทยาศาสตร์ทำการกรองน้ำ แล้วดูดขึ้นไปเพื่อทำกระบวนการกรองให้สะอาดมากขึ้นจนสามารถใช้ในการฟอกไตได้" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น
"ขอให้พวกเราทุกคนได้ใช้โอกาสวันดินโลก ประจำปี 2566-2567 นี้ ขับเคลื่อนสิ่งที่เราทำในการแก้ไขในสิ่งผิดและฟื้นฟูแหล่งน้ำในพื้นที่ ให้ลงลึกไปถึงระดับครัวเรือน โดยการใช้บังคับข้อบัญญัติท้องถิ่นให้บ้านทุกหลังที่จะขออนุญาตสร้างบ้านต้องมีบ่อดักไขมัน มีระบบบำบัดน้ำเสียครัวเรือน รวมทั้งต้องทำให้บ้านทุกหลังมีบ่อน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค ต้องช่วยกันทำทุกวิถีทางให้น้ำมีคุณค่า ก่อให้เกิดอาหารและเป็นน้ำดื่มที่สะอาดได้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่กับการทำให้ดินดีมีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้ "ชาวแม่แจ่ม" เป็นต้นแบบที่โลกไม่รับรู้ ถ้าโลกรับรู้ต้องได้รับรางวัลระดับ Global Prize เพราะชาวแม่แจ่ม ตั้งแต่ท่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ พัฒนาการ พัฒนากร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องดินและน้ำอย่างต่อเนื่องติดต่อกันไม่น้อยกว่า 4 ปี ด้วยการช่วยกันทำฝายแม้วมากกว่า 100,000 ฝาย โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของภาคราชการ ทำให้คนเห็นความสำคัญว่าน้ำช่วยเกื้อกูลในทางที่ดีและทางร้าย ทางร้าย คือ ถ้าปล่อยให้น้ำไหลตามธรรมชาติ สุดท้ายก็ต้องใช้งบประมาณในการขุดลอกให้น้ำหายตื้นเขิน ส่วนทางที่ดี คือ น้ำทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ เพราะดินและน้ำมีความสมดุลอยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งผิดที่เราเคยทำเพราะเราต้องการทรัพยากรไม้ในการสร้างบ้าน ในการทำฟืน ใช้เครื่องมือในการตัด ในการเผา ส่งผลให้คุณภาพดินย่ำแย่ แต่ด้วยเพราะเรามีน้ำทำให้ดินอุดมสมบูรณ์และช่วยทำให้ธรรมชาติที่ถูกบุกรุกกลับคืนมาดีเหมือนเดิมได้ รวมทั้งส่งเสริมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนิยามว่า "อารยเกษตร" โดยการใช้ธรรมชาติฟื้นฟูธรรมชาติ ด้วย “วิธีปฏิบัติ” เช่น การห่มดิน การปลูกหญ้าแฝกกำแพงที่มีชีวิต เพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ การปลูกป่า 3 อย่าง เพื่อประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อช่วยรักษาดินและน้ำ และใช้ความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ สร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่พี่น้องประชาชน ผ่านโครงการพระราชดำริกว่า 5,151 โครงการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสำเร็จได้ "เราต้องมีผู้นำ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายอำเภอในฐานะนายกรัฐมนตรีของพื้นที่ที่จะต้องลงไปคลุกคลีตีโมงเป็น "ผู้นำต้องทำก่อน" ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เห็นและขยายผลชักชวนประชาชนมาร่วมทำสิ่งที่ดีร่วมกับนายอำเภอ อันจะส่งผลให้ลูกหลานได้มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงต้อง "Action Now : ทำทันที" และคนแม่แจ่ม ได้เป็นผู้นำการทำตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้มอบนโยบายไว้ คือ "สั่งวันนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อวาน"" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
จากนั้น ผู้บริหารระดับสูงของกรมและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย เช่น การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นต้น
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อำเภอแม่แจ่มมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการคำนวณกันไว้ว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก 40% มาจากอำเภอแม่แจ่ม ซึ่งพี่น้องชาวแม่แจ่มเป็นชุมชนที่ยังคงรักษาและสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีที่มีคุณค่าของตนเอง เป็นเอกลักษณ์สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาและความหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นโอกาสดีที่สำคัญยิ่งที่กระทรวงมหาดไทยได้เลือกอำเภอแม่แจ่มเป็นสถานที่จัดงาน Kick off กิจกรรมวันดินโลก ประจำปี 2566-2567 ของกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้
นายสุระวุธ จันทร์งาม นายอำเภอแม่แจ่ม กล่าวว่า อำเภอแม่แจ่ม มีพื้นที่ 1,700,000 ไร่ ปัจจุบันได้จัดทำฐานข้อมูลรายแปลงพื้นที่ที่ คทช. 400,000 ไร่ และมีพื้นที่ผืนป่าที่ดูแลร่วมกัน 1,300,000 ไร่ ทั้งนี้ ชาวอำเภอแม่แจ่มได้ร่วมจัดทำฝาย โดยกำหนดเป้าหมายเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยร่วมกันทำฝายอย่างน้อยหมู่บ้านละ 1,000 ฝาย เริ่ม Kick off ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ครบ 106,000 ฝาย และได้กำหนดไว้ในฐานข้อมูลผังการจัดการน้ำหมู่บ้าน/ชุมชน และผังภูมิสังคมพื้นที่ (Geo-social Mapping) ซึ่งสามารถบูรณาการจัดทำเป็นแนวกันไฟ ทั้งนี้ จากการดำเนินการพบว่าปีนี้น้ำในพื้นที่แม่แจ่มยังเต็มตลิ่ง เป็นการตอบโจทย์ว่าฝายสามารถชะลอน้ำได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี