เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ในโครงการการจัดทำคาร์บอนฟุตพร้ินท์สำหรับผลิตภัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้และประสบการณ์ในกระบวนการกิจกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อส่งเสริมสังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการและรองอธิการบดีสายงานวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า DPU กับ IRC มีเจตจำนงในการร่วมมือกันพัฒนา ถ่ายทอดองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สำหรับผลิตภัณฑ์และนำไปสู่การขอรับรองขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพร้ินท์สำหรับผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย
ซึ่งการลงนาม MOU ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยได้ก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศว่าไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 จากปฏิญญาที่รัฐบาลให้ไว้กับนานาประเทศในการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ทำให้ทุกองค์กรรวมถึง DPU ตระหนักถึงความสำคัญและได้ขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว
“สำหรับ DPU เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนโยบาย Decarbonization (ลดการปล่อยคาร์บอน) ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร โดยมี Sustainability (ความยั่งยืน) อย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กิจกรรมส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การลดใช้พลังงานต่างๆ ให้แก่บุคลากรและนักศึกษา รวมถึงบุคลากรภายนอกที่มาใช้สถานที่ของ DPU และในปี 2567 มีแผนจัดตั้งศูนย์ Hub of Net Zero หน่วยงานให้คำปรึกษาและรับรองในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและผลิตภัณฑ์สินค้า รวมทั้งการส่งเสริมแลกเปลี่ยนและซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างหน่วยงาน ให้กับผู้สนใจทั่วไป” ผศ.ดร.พัทธนันท์ กล่าว
ดร.รชฏ ขำบุญ คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) DPU กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือ ระหว่าง DPU และ IRC ในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือที่เน้นด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยในเบื้องต้นจะร่วมกันประเมินผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท จำนวน 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ยางประเภทต่างๆ โดยประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์
ตลอดอายุของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การขนส่งรับวัตถุดิบ นำมาผลิตจนถึงฝังกลบ
ซึ่งผลของการประเมินปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยตลอดอายุของผลิตภัณฑ์นี้จะนำไปสู่การกำหนดแนวทางเพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ต่อไป นอกจากนั้น ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำเข้าไปจัดเก็บในฐานข้อมูลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เพื่อแสดงรายละเอียดต่างๆ และใช้เป็นมาตรฐานการประเมิน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ประเภทยางรถจักรยานยนต์ต่อไป
“การไปถึงเป้าหมาย Net Zero ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน บริษัทขนาดเล็ก หรือ SME อาจต้องเริ่มตระหนักถึงเรื่องการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพราะในอนาคตจะมีตัวกฎหมายออกมาบังคับใช้ในการประเมินคาร์บอน ตลอดห่วงโซ่ของ Supply Chain ซึ่งมีผลกับธุรกิจและการคำนวณภาษี และมีผลต่อการค้าและธุรกิจโดยเฉพาะกับต่างประเทศที่มีข้อกำหนดเรื่องคาร์บอนเครดิต” ดร.รชฏ กล่าว
รศ.ดร.นิตย์ เพ็ชรรักษ์ นักวิจัยอาวุโส DPU กล่าวว่า การคำนึงถึงเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะประเทศฝั่งยุโรปที่มีการบังคับใช้กฎหมายด้านภาษีสิ่งแวดล้อม ทำให้บริษัทต่างๆ มีการตั้งเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าโดยพิจารณาซื้อสินค้าจาก Supplier ที่ปฏิบัติตามหลักการลดโลกร้อนและมีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างเป็นรูปธรรม
“ดังนั้น องค์กรหรือบริษัทที่มีรายงานการวัดและประเมินเรื่องคาร์บอนจะได้เปรียบทางการค้ามากกว่าบริษัทอื่น อนาคตการแข่งขันทางธุรกิจจะยากขึ้น ทุกบริษัท
ที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศจึงต้องมีการปรับตัวในเรื่องนี้ โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการประเมิน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ อย่าง
ต่อเนื่อง” รศ.ดร.นิตย์ กล่าว
นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีนโยบายลดโลกร้อนด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการทำกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรทางธรรมชาติ โดยเริ่มดำเนินการทำเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรทั้ง Scope I และ Scope II ตั้งแต่ปี 2022-2024
“สำหรับ Scope III เป็นเรื่องเกี่ยวกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ หรือเน้นทำกับ Supply Chain เช่น วัตถุดิบตั้งต้นที่ซื้อมา การขนส่งจากผู้ผลิตวัตถุดิบ การเดินทางของลูกค้าและผู้มาติดต่อ เป็นต้น ความร่วมมือระหว่าง IRC กับ DPU ครั้งนี้ จะมีการศึกษาเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ คาร์บอนเครดิตพร้อมทำการประเมิน Scope III ร่วมกัน เพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายสู่การเป็น Net Zero” นางพิมพ์ใจ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี