งานเข้าแล้ว!!! ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบกรณี"น้องไนซ์ เชื่อมจิต"อ้างเป็นร่างอวตาร เข้าข่ายความผิดกม.หรือไม่ เตรียมเรียกสอบผู้ปกครอง พยานผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เตือนประชาชนศรัทธาอย่างมีสติ หากเห็นว่าไม่ดีดูแล้วแปลกๆ น่าจะเป็นการหลอกลวงขอให้แจ้งตำรวจเข้าไปตรวจสอบ
16 ธ.ค.66 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีกลุ่มเชื่อถือศรัทธา น้องไนซ์ เด็กชาย 8 ขวบ อ้างเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช สามารถเชื่อมจิตได้ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ไม่เชื่อและมีการบิดเบือนตัดต่อภาพน้องไนซ์คล้ายพระพุทธเจ้า ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนเห็นต่าง ขอให้ตรวจสอบเรื่องที่กลุ่มผู้ศรัทธามีการเรียกเก็บเงินเพื่อเข้าคอร์สฝึกสมาธิเชื่อมจิตหลักเนื่องจากอาจเข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ว่า เรื่องดังกล่าว ผบ.ตร.ได้รับทราบแล้ว ส่วนจะเป็นการหลอกลวงหรือไม่ต้องมีการตรวจสอบ เพราะเป็นความเชื่อและศรัทธาของกลุ่มคนที่เห็นว่าการทำพิธีและพบกับน้องไนซ์อาจจะได้ผลตามที่ตั้งมั่นไว้ และเกิดความคิดในทางบวก ขณะเดียวกันก็มีอีกกลุ่มที่มองว่าเป็นการหลอกลวงหรือแสวงหาผลประโยชน์ จากเด็กและเยาวชนหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบ โดยประเด็นแรกสั่งการให้ตำรวจพื้นที่ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประเด็นที่สองตรวจสอบทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น มีการโพสต์โฆษณาเชิญชวน ต้องดูพฤติการณ์ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่อย่างไร
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ หรือไม่นั้น ตำรวจต้องมีการตรวจสอบทุกความผิดที่อาจเกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่แล้ว ส่วนผู้ปกครองเด็กจะต้องเชิญมาสอบหรือให้ปากคำหรือไม่นั้น ตรงนี้เป็นกระบวนการที่ต้องทำดำเนินการทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่เกิดเหตุ เชิญผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพยานที่พบหรือเข้าไปทำพิธีมาสอบปากคำทั้งหมด
ส่วนกลุ่มที่มาร้องเรียนไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรงจะสามารถดำเนินคดีได้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอยู่แล้ว เพราะหากตรวจสอบพบว่าเป็นความผิดต่อรัฐเจ้าหน้าที่ก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้เอง แต่หากความผิดส่วนตัว เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายจากการกระทำนั้น ต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนกรณีน้องไนซ์ 8 ขวบ ขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนที่มีประชาชนหลายคนมาร้องให้ดำเนินคดี ก็ต้องยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายในคดี เช่น สูญเสียทรัพย์สิน สามารถใช้สิทธิในการร้องทุกข์กล่าวโทษได้
"หากพบว่ามีการแสวงหาผลประโยชน์หลอกลวงจากความเชื่อศรัทธาของประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว ตำรวจสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ หากประชาชนท่านใดที่รู้สึกว่าตนเองถูกหลอกลวงได้รับความเสียหายสามารถมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับบุคคลที่มาฉ้อโกงได้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ"รอง โฆษก ตร.กล่าว
และว่า ขอฝากถึงประชาชนที่ต้องการหาที่พึ่งทางใจและเข้าไปหลงเชื่อศรัทธาแบบงมงายและเสี่ยงถูกหลอกว่าเรื่องความเชื่อศรัทธาเป็นเรื่องที่ว่ากันไม่ได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่อยากให้ใช้วิจารณญาณว่าสิ่งที่เราไปเคารพบูชามีข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร และเป็นเรื่องลวงโลกหรือไม่ หากเห็นว่าไม่ดีดูแล้วแปลกๆ น่าจะเป็นการหลอกลวงขอให้แจ้งตำรวจเข้าไปตรวจสอบ หรือหากตกเป็นเหยื่อขอให้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อป้องกันระงับยับยั้งไม่ให้ไปหลอกลวงคนอื่นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี