ย้ำตีกลับคดียิง‘พารากอน’
เด็กยังไม่สามารถต่อสู้คดีได้
โฆษกอัยการฯ ย้ำชัดเหตุอัยการตีกลับสำนวนคดี “เด็ก 14” กราดยิงพารากอน แพทย์ยันเด็กยังไม่สามารถต่อสู้คดีได้ “ไม่มีความเข้าใจ ตระหนักรู้เรื่องของข้อกล่าวหา”หลังครบผัดฟ้อง 31 ธันวาคมเตรียมเดินทางพบผู้ปกครองเด็กขอตัวรักษาต่อ หากผู้ปกครองไม่ยินยอมอาจต้องใช้ พ.ร.บ.สุขภาพจิต บังคับใช้ เพื่อตัวของเด็กและสังคม ระยะเวลา 180 วัน
จากกรณีที่พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ส่งสำนวนให้อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัวพิจารณา เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมโดยกล่าวหาว่า เยาวชนชายอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงในห้างดังกลางเมือง ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่นๆ รวม5 ข้อหา แต่เมื่อรายงานของแพทย์ในการตรวจรักษา ยืนยันว่ายังไม่สามารถต่อสู้คดีได้ จึงต้องส่งสำนวนสอบสวนกลับไปให้พนักงานสอบสวน เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น
วันที่ 29 ธันวาคม นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่ออัยการคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันแล้ว พนักงานสอบสวนจะต้องงดการสอบสวน ไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 เนื่องจากกระบวนการใดๆที่พนักงานสอบสวน ดำเนินการไปโดยไม่ยึดหลักกฎหมายดังกล่าวก็ต้อง ถือว่าเป็นกระบวนการสอบสวนที่ฝ่าฝืน ต่อกฎหมาย ซึ่งคดีนี้นางศจีมาศ บัวรอด อัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 3 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีและคณะทำงานอัยการได้ตรวจสำนวนคดีนี้แล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กยังมีอาการป่วยอยู่ และเป็นคนไข้ของสถาบันกัลยาราชนครินทร์มาโดยตลอด มีใบรับรองประเมินผลการตรวจรักษายืนยันว่าผู้ต้องหายังไม่สามารถต่อสู้คดีได้ เมื่อข้อเท็จจริงทางการแพทย์ยืนยันเช่นนี้ การพิจารณาของพนักงานอัยการไม่มีประเด็นอื่นนอกจากคืนสำนวนกลับไปให้พนักงานสอบสวน เพื่อรอกระบวนการ บำบัดรักษาจากแพทย์ที่ประเมิน การตรวจรักษาผู้ต้องหาว่า อยู่ในภาวะปกติ และสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว ภายในอายุความ 20 ปี
“เมื่อการสอบสวนชอบด้วยกฎหมายและทำการสอบสวนเสร็จแล้วค่อยส่งสำนวนกลับมาให้ พนักงานอัยการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายอีกครั้ง “นายประยุทธกล่าว
ทั้งนี้จากการประสานกับแพทย์ผู้ตรวจรักษา ทราบในเบื้องต้นว่าช่วงเดือนมกราคม ที่จะถึงนี้ คณะกรรมการตรวจรักษาจะประชุมเพื่อประเมินอาการของผู้ต้องหาอีกครั้ง แต่การควบคุมตัวตามกฎหมายจะครบกำหนดระยะผัดฟ้องครั้งสุดท้าย ในวันที่ 31 ธันวาคม นี้
อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์และคณะกรรมการตรวจรักษาผู้ต้องหา จะเดินทางไปพบผู้ปกครองของเด็กรายนี้ และจะแจ้งด้วยว่า เด็กรายนี้ยังมีอาการ ป่วยอยู่ ทีมบำบัดรักษาจะขอรับตัวไปบำบัดรักษาต่อ หากผู้ปกครองเข้าใจและอนุญาต แพทย์ก็จะรับตัว ผู้ต้องหากลับไปเป็นคนไข้เพื่อรักษาต่อตามปกติ แต่ สมมติว่า ผู้ปกครองไม่ยอมและไม่อนุญาต หากทางคณะกรรมการแพทย์ประเมินแล้วว่าจำเป็นจะต้องดูแล รายนี้เพื่อป้องกันอันตราย สำหรับตัวผู้ต้องหาเอง และสังคมอาจจะต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 มาตรา 22 บังคับ ที่จะเอาตัวผู้ต้องหาไปรักษาตัวต่อ ซึ่งระยะเวลาการควบคุมตัวของ แพทย์ผู้รักษา มีกรอบกฎหมายชัดเจนอยู่ใน พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 จะมีการแจ้งผลการตรวจรักษาให้กับพนักงานสอบสวน ทราบทุก 180 วัน ถ้ายังไม่หายก็สามารถขยายได้อีก 180 วันไปเรื่อยๆ จนกว่าผู้ต้องหาจะหายและสามารถต่อสู้คดีได้ เพราะเราไม่สามารถจะนำคนป่วยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ แต่ถ้าหายป่วยเเล้วไม่ต้องรอ 180 วันก็ได้ ทีมแพทย์ที่รักษาสามารถรายงานให้พนักงานสอบสวนทราบเพื่อดำเนินการสอบสวนได้ทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี