‘วราวุธ’เผย‘พม.’เตรียมจัดสัมมนาแก้ปัญหาโครงสร้างประชากร ขอทุกหน่วยร่วมมือจริงจังเหตุ‘เด็กเกิดใหม่’ลดลง หวั่นประชากรของไทยลดฮวบในอนาคต แจงปม‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ต้องดูฐานะการเงินรัฐบาล ระบุคนวัยทำงานน้อยลง กระทบรายได้ประเทศลดตาม สวนทางยอดคนชรามากขึ้น
1 มกราคม 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวถึงงานของกระทรวง พม.ที่จะเร่งดำเนินการในปี 2567 ว่า กระทรวง พม.จะจัดสัมมนาเกี่ยวกับโครงสร้างประชากรในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเราถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทยในขณะนี้ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเกิดอยู่ที่ประมาณ 400,000 กว่าคน แต่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 600,000 คน ถือว่าติดลบ
“ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ประชากรของไทยลดลงเหลือ 33 ล้านคน ภายในเวลา 50-60 ปีจากนี้ไป ซึ่งแปลว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ต้องรับภาระมากมายในสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ” นายวราวุธ กล่าว
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ปัญหาทางสังคมและโครงสร้างประชากรของไทยในขณะนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขด้วยการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่การส่งเสริมให้มีจำนวนเด็กแรกเกิดเพิ่มขึ้น เพราะเรากำลังมีปัญหาที่ประชาชนกลุ่ม Gen Y หรือกลุ่ม Gen Z ไม่อยากจะมีครอบครัวและไม่อยากมีผู้สืบสกุล ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหา และร่วมสร้างสังคมให้มีความอบอุ่น มีความปลอดภัย และมีคุณภาพ เพื่อทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกถึงความปลอดภัยและความอุ่นใจในการสร้างครอบครัวและมีลูกหลาน
นายวราวุธ กล่าวถึงกรณีมีองค์กรผู้สูงอายุบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า ประเทศไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบแล้ว และอีกไม่กี่ปีจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุสุดยอด ซึ่งมีประชากรผู้สูงอายุเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด จึงแสดงให้เห็นว่าคนวัยทำงานจะมีจำนวนน้อยลง สวนทางปริมาณของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ของรัฐบาลหรือของประเทศมาจากภาษี ถ้าคนทำงานมีน้อยลง รายได้ของประเทศก็จะลดลง แต่ผู้ที่ต้องการใช้สวัสดิการดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้น
“ผมก็อยากให้ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพ 3,000 หรือ 5,000 บาท แต่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงรายรับของรัฐบาลด้วย มิฉะนั้นประเทศเราจะยังอยู่ในวังวนการกู้ยืมเงิน แล้วเกิดปัญหาต่างๆตามมา เราเห็นใจผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องมีเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่ง พม.จะทำให้ดีที่สุดในการกระจายให้ทั่วถึงประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปทุกคน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินของรัฐบาลด้วย ซึ่งไม่เพียงกรณีของเบี้ยผู้สูงอายุ ยังรวมถึงเรื่องเบี้ยผู้พิการและเงินอุดหนุนสำหรับเด็กแรกเกิดด้วย” รมว.พม. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี