คดีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด ฆ่าโหด 2 พนักงานหน้าลาน ปั๊มน้ำมันไทยแหลมทอง ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 22 (ถนนนิตโย) สายนครพนม-สกลนคร ช่วงบ้านผึ้ง หมู่ 1 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม เป็นเหตุให้ ท้าวพมมะจัก สีสุพา หรือ เซล อายุ 33 ปี ชาวลาว รวมถึง นางสาววิชชุดา ศรีสุมิ่ง หรือ นัน ม่ายสาววัย 50 ปี ชาวบ้านดอนม่วง หมู่ 9 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม เสียชีวิตอยู่หน้าห้องกระจกออฟฟิศปั๊ม โดยท้าวเซลมีบาดแผลถูกยิงจนกะโหลกศีรษะหายไปทั้งแถบ มันสมองกระจายเกลื่อนพื้น ส่วนนางนันถูกยิงที่แก้มขวาทะลุท้ายทอย แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนปืน ส่วนกล้องวงจรปิดในปั้มเกือบ 20 ตัว ที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญ ที่นำไปสู่การจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ แต่กลับใช้งานไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.เศษ วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

ในเบื้องต้นตำรวจได้ตั้งสาเหตุการตายไว้หลายประเด็น เช่น ชู้สาว โกรธแค้นส่วนตัว ขัดผลประโยชน์ และหนี้สิน โดยมีตำรวจสืบสวนภาค 4 จ.ขอนแก่น ร่วมกับสืบสวนตำรวจภูธรนครพนม และสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ยังคงลงพื้นที่หาข้อมูลเพื่อควานหาตัวผู้ก่อเหตุ อีกทั้งผลการชันสูตรของแพทย์พบว่า ท้าวเซลไม่ได้ถูกจ่อยิง หรือถูกฟันอย่างที่เป็นข่าวในตอนแรก เนื่องจากตรวจไม่พบคราบเขม่าดินปืน หรือรอยฟันจากของมีคม คาดคนร้ายใช้อาวุธปืนเล็กยาว ที่นิยมใช้ในกลุ่มสังคมนิยม และต้องเป็นมืออาชีพพอสมควร เพราะมีความเชี่ยวชาญใช้อาวุธปืน โดยสามารถเล็งยิงในที่มืดได้อย่างแม่นยำ ส่วนนางนันนอกจากถูกยิงแล้ว คนร้ายยังรัดคอจนขาดอากาศหายใจ ในสภาพขายังคร่อมอยู่ที่เบาะรถจักรยานยนต์

ทั้งนี้ หลังทราบผลชันสูตรเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จำลองเหตุการณ์คาดคนร้ายแอบซุ่มยิง อาจจะยิงจากบริเวณหน้าห้องน้ำหรือที่ป่าหญ้า จึงใช้เครื่องวัดระยะวิถีกระสุนปืน ซึ่งอาวุธปืนเล็กยาวชนิดนี้ มีระยะหวังผลประมาณ 250 เมตร ดังนั้นเมื่อลั่นไกเจาะกะโหลกท้าวเซลแล้ว หัวกระสุนถ้าไม่ไปกระทบสิ่งกีดขวางอะไร ก็จะปลิวไปตกไกลมากกว่า 100 เมตร ถึงเวลานี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจหาโลหะกระสุนปืนไม่พบ และกลายเป็นข้อถกเถียงขึนมาทันที เมื่อผลชันสูตรเบื้องต้นออกมา โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ไม่เชื่อว่าเพชฌฆาตระดับมือฉมัง จะลดฝีมือไปยิงเด็กปั๊ม

อีกทั้งแนวการการสืบสวนสอบสวน จากเคยมุ่งประเด็นชู้สาวเป็นหลัก อาจต้องหันมาที่ประเด็นขัดผลประโยชน์ด้วย ซึ่งการใช้อาวุธปืนยิงท้าวเซล อาจมีนัยยะสื่อถึงใครบางคน ทำให้พนักงานปั๊ม 2 คน กลายเป็นแพะรับบาป หรือเป็นเหยื่อของการขัดแย้งผลประโยชน์บางอย่าง รวมทั้งมือปืนอาจไม่ใช่คนในพื้นที่ คดีนี้ถือว่าท้าทายความสามารถของตำรวจเป็นอย่างมาก

ล่าสุด วันที่ 4 มกราคม 2567 นางสุพัตรา ศรีสุมิ่ง หรือ นิ้ม อายุ 51 ปี พี่สาวของนางนัน ผู้เสียชีวิต ยังคงยืนยันคำเดิมว่า การที่น้องสาวถูกฆ่าตาย ไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวแน่นอน เมื่อผู้สื่อข่าวถามทำไมถึงมีความมั่นใจถึงขนาดนั้น นางนิ้ม ตอบว่า น้องสาวมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะเป็นโรคเลือดประจำเดือนจะไหลแทบทุกวัน จึงต้องพกผ้าอนามัยตลอด และคงไม่สามารถไปหลับนอนกับใครได้ โดยมีประวัติการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ยอมรับว่าก็มีความสงสัยอยู่แต่ไม่กล้าพูด เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ด้านการบำเพ็ญกุศลศพ นางวิชชุดา ศรีสุมิ่ง หรือ นัน ญาติๆ กำลังช่วยกันทำความสะอาด ปัดกวาดบ้าน เพื่อรอรับศพของนางนัน และครอบครัวมีฐานะยากจน รวมทั้งไม่มีเงินประกันชีวิตใดรองรับ เพราะขาดอายุหมด ทางญาติๆ จึงลงขันช่วยเหลือตามกำลัง นางนิ้ม กล่าวว่า หากนำศพน้องสา ออกจากห้องดับจิตที่โรงพยาบาลนครพนม จะสวดแค่คืนเดียว รุ่งเช้าก็จะฌาปนกิจเลย

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดโคกเกลี้ยง บ้านโคกทรายคำ หมู่ 8 ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม โลงศพของท้าวเซลถูกนำไปตั้งไว้ที่บนเมรุ เพื่อรอการฌาปนกิจ บรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงาน โดย นางตุ่นคำ สีพาสุ อายุ 63 ปี แม่ของท้าวเซล ยังทำใจต่อการสูญเสียลูกชายไม่ได้ คงเดินไปเดินมาแถวเมรุ และเดินไปเคาะโลงศพบอกลูกชายให้ไปอยู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องห่วงกังวลครอบครัวหรือลูกเมีย ขอให้ดลจิตดลใจคนร้าย สำนึกผิดมามอบตัวกับทางการ ซึ่งตัวเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าฆ่าฉันทำไม

ขณะเดียวกัน ประกันสังคมจังหวัดนครพนม มอบหมายให้ นายกิติเมศวร์ มีนำพันธุ์ธนา นักวิชาการแรงงานชำนาญการ ไปพบกับครอบครัวของท้าวเซล เนื่องจากผู้เสียชีวิตเดินทางขออนุญาตเข้าทำงานถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีเงินประกันสังคมช่วยเหลือ เบื้องต้นจ่ายเป็นค่าทำศพ 50,000 บาท จากนั้นจะเป็นเงินสะสม คำนวณตามอายุงานที่ทำอยู่ในประเทศไทย เช่น ลูกจ้างมีเงินเดือน 10,000 บาท จะคิดเป็นเงินหักสะสมให้ 600 บาท/เดือน เท่าที่ทราบเบื้องต้นผู้เสียชีวิต ทำงานช่วงต้นปี 2566 เสียชีวิตเดือนธันวาคม 2566 ประมาณ 11 เดือน คูณด้วย 600 ก็จะได้เงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 6,600 บาท เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ยังคงทำงานหนักเพื่อติดตามตัวคนร้าย มาดำเนินคดีให้ได้ อีกทั้งคดีอยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งในแต่ละวันจะได้ข้อมูลมาประกอบคดี และนำไปสู่การจับกุมมือปืนรายนี้มาลงโทษ

- 006