นครพนม-“เอกระยอง”เผยวินาทีเฉียดตาย มือปืนตั้งใจมาฆ่า เรียกชื่อก่อนรัว 5 นัดซ้อน เชื่อพุทธคุณหลวงตาบัวคุ้มครอง

วันที่ 11 มกราคม 2567 ความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ บุกจ่อยิงนายธนิสร บุญฤทธิ์ หรือเอกระยอง  อายุ 51 ปี ได้รับบาดเจ็บปางตาย เหตุเกิดริมแม่น้ำโขง บริเวณจุดผ่อนปรนธาตุพนม หรือที่รูจักในชื่อตลาดนัดไทยลาว อ.ธาตุพนม เขตเทศบาลตำบลธาตุพนม โดยกระสุนยิงเข้าหน้าขาขวา กระสุนฝังใน 1 นัด และเฉียดศีรษะ 2 นัดกับไหล่ซ้ายอีก 1 นัด ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงญาติของคนเจ็บ ได้นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม อยู่ระหว่างการรอทำการผ่าตัด เพื่อนำหัวกระสุนออก 

โดยนายธนิสร บุญฤทธิ์ หรือเอกระยอง พื้นเพเดิมเป็นชาว จ.ระยอง ย้ายถิ่นมาประกอบอาชีพเปิดพื้นที่เช่าจอดรถ รับฝากรถ และให้เช่าแผงขายสินค้า บริเวณตลาดนัดไทยลาว อ.ธาตุพนม ถือเป็นแกนนำสำคัญคนหนึ่ง เนื่องจากบริเวณจุดผ่อนปรนแห่งนี้ พบความไม่ชอบมาพากล ในธุรกิจผิดกฎหมาย จึงร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประจำ

หลังเกิดเหตุทางด้าน พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม ระดมทีมสอบสวนสืบสวนลงพื้นที่ รวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อม และพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เชื่อว่าคนร้ายผู้ก่อเหตุสวมโม่งปิดบังใบหน้ามาจ่อยิง จากนั้นน่าจะมีคนขับรถจักรยานยนต์ มารับคนร้ายหลบหนี ออกไปทางเส้นถนนหลังวัดพระธาตุพนม นอกจากนี้ยังพบจุดที่มีการทิ้งปลอกกระสุนปืน จำนวน 6 นัด ยิงไปแล้ว 5 นัด ส่วนอีก 1 นัดคาดกระสุนด้าน เพราะยังมีหัวกระสุนคาอยู่ โดยจุดที่ทิ้งปลอกกระสุน ห่างจากจุดยิงประมาณ 50 เมตร มั่นใจคนร้ายยังไม่หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ระหว่างการแร่งแกะรอยติดตามจับกุม ส่วนปมสาเหตุหลักคือ ขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจตลาดนัดไทยลาว 

จากการสอบถาม นายธนิสร บุญฤทธิ์ คนเจ็บ เปิดเผยว่า ในทุกวันจันทร์ และวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ ตนจะออกมาทำงาน บริเวณพื้นที่เช่า ใกล้ตลาดจุดผ่อนปรนไทยลาว เขตเทศบาลตำบลธาตุพนม เพื่อเปิดให้พ่อค้าแม่ค้า ทั้งชาวไทย ชาวลาวเช่าพื้นที่ นำสินค้าทั่วไปมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน โดยตนมีรายได้จากการเปิดเช่าที่จอดรถ และเช่าที่ขายของในตลาด

เช้ามืดวันเกิดเหตุ เวลาประมาณตีสามกว่า กำลังออกมาเตรียมพื้นที่ เพราะตลาดเช้าเปิด 6 โมงเช้าเป็นต้นไป ปรากฏมีคนร้ายสวมโม่ง เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวสีเทา มายืนประชิดเรียกชื่อพี่เอก ตนจึงหันไปดูแบบไม่ตั้งใจ เห็นคนร้ายหยิบของออกจากกระเป๋า ไม่คิดว่าจะเป็นปืนชักออกมาจ่อยิง 3 – 4 นัด ตนจึงตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือกับชาวบ้าน ซึ่งภรรยาที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ได้วิ่งออกมาช่วย โชคดีคนร้ายยิงไม่ถูกจุดสำคัญ เชื่อว่าอาวุธปืนเป็นปืนลูกโม่ ขณะนั้นกระสุนหมด คนร้ายพยายามเปลี่ยนกระสุน ตนจึงร้องขอชีวิต เป็นจังหวะที่ภรรยา พร้อมชาวบ้านมาช่วยทัน คนร้ายจึงเดินหลบหนีไป มั่นใจตั้งใจมาฆ่า แต่พลาด ไม่ใช่เจตนาข่มขู่

ส่วนสาเหตุเชื่อว่ามาจากปมปัญหา การค้าภายในตลาดนัดจุดผ่อนปรนไทยลาว เนื่องจากตนเคยแฉให้หน่วยงานความมั่นคง เอาผิดขบวนการค้าของเถื่อน รวมถึงการลักลอบขนส่งของผิดกฎหมาย เข้า-ออกบริเวณตลาดจุดผ่อนปรนไทยลาว เป็นการทุบหม้อข้าวขบวนการค้าของเถื่อน โดยมีปัญหามาตลอด แต่ตนพยายามต่อสู้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส จึงต้องเจอแบบนี้ ยอมรับไม่สามารถบอกว่าเป็นใคร เพียงมั่นใจว่าเป็นคนที่เสียผลประโยชน์

 สำหรับในเรื่องของความเชื่อความศรัทธา ส่วนหนึ่งเพราะตนทำดี จึงมีพระคุ้มครอง ปกติจะมีเหรียญรูปหล่อของหลวงตามหาบัว รุ่นสมปารถนา วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรฯ ติดตัวตลอดเวลา จึงเชื่อว่าบารมีพระเกจิคุ้มครอง

สอบถาม ภรรยาของคนเจ็บ เปิดเผยว่า ขณะตนกำลังเตรียมพื้นที่จอดรถ และที่วางขายของให้กับพ่อค้าแม่ค้า ที่จะมาขายของในตลาดจุดผ่อนปรนไทยลาว โดยอยู่ห่างจากสามีประมาณ 10 เมตร จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นรัวๆ 3 – 4 นัด หันมามองเห็นสามีวิ่งหนี เพราะถูกคนร้ายไล่ยิง กระทั่งจนมุม ร้องขอชีวิตจากคนร้าย โชคดีกระสุนหมดเสียก่อน สามีจึงวิ่งหนีออกไป ก่อนที่คนร้ายจะหันปืนมาขู่ตน และตะโกนเป็นภาษาอีสานว่า “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นจะยิงทั้งสองคน” ตนจึงเรียกให้คนมาช่วย คนร้ายเห็นท่าไม่ดีได้เดินหนีออกไปอย่างใจเย็น มั่นใจเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวสามี รู้ทางหนีและเวลาก่อเหตุ หลังเกิดเหตุจึงช่วยกันนำสามีส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล เชื่อว่าตั้งใจมาฆ่าไม่ใช่การข่มขู่ ถ้าลูกกระสุนปืนไม่หมด อาจจะเสียชีวิตทั้งสองคน วอนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เร่งจับตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด ถือว่าอุกอาจมาก และถ้ายังจับไม่ได้ มือปืนต้องย้อนกลับมาทำร้ายอีกแน่นอน