ปลัด มท. ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาบึงสีไฟตามแนวพระราชดำริฯ พร้อมติดตามการสร้างสนามจักรยาน BMX Bike Lane - จักรยานขาไถ มุ่งมั่น "แก้ไขในสิ่งผิด" ฟื้นฟูแหล่งน้ำให้อุดมสมบูรณ์เหมือนอดีต เป็นพื้นที่แห่งความสุขของพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน
13 มกราคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่บริเวณหอชมบึงสีไฟ อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาบึงสีไฟตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมติดตามการสร้างสนามจักรยาน BMX Bike Lane และสนามจักรยานขาไถ และพื้นที่บริเวณโดยรอบบึงสีไฟ โดยมี นายอดิเทพ กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสาวจุรีรัตน์ รัตนศิลา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพิจิตร นายฮาวี เครปส์ ผู้ฝึกสอนจักรยานทีมชาติไทย ประเภท BMX พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สู่การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชน ซึ่งจังหวัดพิจิตรได้ดำเนินการพัฒนาบึงสีไฟ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้บึงสีไฟเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่สำคัญของประเทศ และแหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำที่สามารถรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาค รวมทั้งสภาพพื้นที่ของบึงสีไฟ เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำนานาชนิดและมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ นอกจากนี้การพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวจะต้องนำแนวคิด "การสร้างพื้นที่แห่งความสุข" เพื่อให้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ที่ประกอบด้วยพื้นที่ สำหรับเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ และผู้สูงวัย ทั้งพื้นที่ออกกำลังกายสำหรับเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานทางเรียบ จักรยาน BMX และจักรยานขาไถ ตลอดจนถึงการมีสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ที่เป็นเเหล่งเรียนรู้ทำให้คนในครอบครัวได้มีการใช้เวลาร่วมกัน รวมถึงสร้างพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางน้ำ อาทิ การแข่งขันพายเรือคายัค รวมไปถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่สู่การเป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” หรือ "อารยเกษตร" และโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง และโครงการทางนี้มีผลผู้คนรักกัน ซึ่งจะต่อยอดก่อเกิดเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามหลัก BCG พร้อมยกระดับการสร้างเสริมการเรียนรู้และสร้างปัญญาให้กับเด็กและเยาวชน
"จากการลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้าการพัฒนาบึงสีไฟในวันนี้ ได้มอบแนวทางให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เรื่อง การให้ความสำคัญกับแหล่งรองรับน้ำ "ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด" เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้บริเวณโดยรอบ ลดการท่วมขังลานกิจกรรม เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุด และการก่อสร้างสนาม BMX Bike lane และสนามจักรยานขาไถ เน้นการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ทำให้สามารถจัดกิจกรรม หรือการแข่งขันได้ตลอดทั้งปี ทั้งจุดให้บริการจอดรถ ห้องสุขา และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น สำหรับประชาชน นักท่องเที่ยว หรือผู้มาดูการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นให้เด็กเยาวชนได้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะตนเอง โดยแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ลานแข่งขันแห่งนี้ มุ่งเน้นทำให้เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะ "Sport Zone" ควบคู่กับ "Community Zone" ด้วยการบริหารจัดการพื้นที่ เน้นการปลูกต้นไม้ที่ให้ร่มเงา และพัฒนาให้เป็นทั้งแหล่งรวมตลาดนัด เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนได้มามีพื้นที่ค้าขายจับจ่ายใช้สอย ที่สำคัญจะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรทั้งดินและน้ำอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงมหาดไทยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก (World Soil Day) เพื่อทำให้แนวคิด ดินดี น้ำดี ชีวีมีสุขอย่างยั่งยืน สามารถบรรลุผลได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเริ่มต้นจากการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม งดการใช้ถุงพลาสติก กล่องโฟม และให้เลือกใช้วัสดุทดแทนที่เป็นวัสดุธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ให้คำแนะนำในการพัฒนาพื้นที่บริเวณโดยรอบบึงสีไฟ เพิ่มเติม เพื่อทำให้ทุกพื้นที่เกิดประโยชน์ และคุ้มค่าในทุกมิติ คือ การพัฒนาพื้นที่สู่ "ลานวัฒธรรม" ที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมและสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม และงานกิจกรรมสำคัญของพื้นที่ รวมถึงสามารถเป็นพื้นที่การจัดแข่งขันประกวดต่าง ๆ อาทิ ประกวดสัตว์เลี้ยง วาดภาพ ฯลฯ ที่จะก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม นำไปสู่การส่งเสริมทำให้คนในพื้นที่มีความรัก ความสามัคคี และความสนิทสนมกันในแต่ละกลุ่มที่มารวมตัวทำกิจกรรมกัน ซึ่งทั้งหมดทางจังหวัดพิจิตรต้องมีการจัดระเบียบที่จอดรถบริเวณโดยรอบบึงสีไฟ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีเพียงพอสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่มา จัดให้มีห้องน้ำสุขาที่เหมาะสม และมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ถูกต้อง มีการบริหารจัดการขยะ คัดแยกขยะ การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกพืชผักสวนครัว รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำตามผังภูมิสังคมและอารยเกษตร ในบริเวณโดยรอบ เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้ได้มีการใช้ประโยชน์จากคนในชุมชน เพื่อคนในชุมชนร่วมกันใช้ ร่วมกันดูแลอย่างยั่งยืน
"การพัฒนาบึงสีไฟ ได้ดำเนินการแล้วกว่า 50% โดยการบูรณาการความร่วมมือของจังหวัดพิจิตร องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เทศบาลเมืองพิจิตร และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยมีกำหนดสร้างสนามจักรยาน BMX และสนามจักรยานขาไถ ให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนมกราคม 2567 นี้ เพื่อให้เป็น Landmark ของจังหวัดพิจิตร ดึงดูดนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนได้มาท่องเที่ยว มาแข่งขันกีฬา อันจะทำให้จังหวัดพิจิตรได้พัฒนาเป็นเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนจังหวัดพิจิตรอย่างยั่งยืน ซึ่งเราในฐานะข้าราชการกระทรวงมหาดไทยผู้เป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะได้มีโอกาสร่วมกันสนองพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการฟื้นฟูบึงสีไฟแห่งนี้ให้เป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์เหมือนอดีต และเป็นที่สร้างความสุขให้กับประชาชน อันจะนำไปสู่ "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี