ตำรวจมหาสารคามทลายเครือข่ายนายทุนหนี้นอกระบบ 2 อำเภอวงเงิน 1.3 ล้านตะลึงกลุ่มนักศึกษานำรถ จยย.มาจำนำเพื่อนำเงินจ่ายค่าหอ ค่าเทอม
วันนี้ (18 ม.ค.67) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม นายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ชุดสืบสวน สภ.กันทรวิชัย และเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกันแถลงข่าวการการปราบปรามกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบ 2 เครือข่าย มูลหนี้รวมกว่า 1.3 ล้านบาท
พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า รัฐบาลได้เดินหน้าประกาศแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยเปิดให้มีการลงเบียนลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 โดยจังหวัดมหาสารคาม มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้นกว่า 2,000 คนยอดหนี้กว่า 180 ล้าน โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้จัดกิจกรรม Kick off ตลาดนัดแก้หนี้เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกัน เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ได้บูรณาการกับหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบที่เป็นนายทุนเงินกู้ ที่คิดดอกเบี้ยในอัตราเกินกฎหมายกำหนด และต้องมีการนำทรัพย์สินมาค้ำประกัน เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือที่ดิน ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทำให้ถูกนายทุนยึดทรัพย์สินไป ภายใต้การบูรณาการทุกภาคส่วน จึงได้ขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดมหาสารคาม เข้าตรวจค้นยึดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเอกสารสัญญากู้ยืมเงินเครือข่ายกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบ 2 เครือข่าย ในพื้นที่ สภ.เมืองมหาสารคาม และ สภ.กันทรวิชัย
โดยเครือข่ายในพื้นที่ สภ.เมืองมหาสารคาม ทำการตรวจค้นบ้านพัก นายคเชนทร์ อายุ 36 ปี นายทุนผู้ให้กู้ยืมเงิน โดยลูกหนี้เงินกู้จะนำรถยนต์เป็นหลักประกันเงินกู้ สามารถทำการตรวจยึดรถยนต์ 20 คันเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน 6 ฉบับ มูลค่าวงเงินตามสัญญากู้ยืมประมาณ 282,000 บาท และเครือข่ายในพื้นที่ สภ.กันทรวิชัย ทำการตรวจค้นบ้านพัก นายธนธัช อายุ 23 ปี และ น.ส.จิสติกานต์ฯ อายุ 21 ปี กลุ่มนายทุนผู้ให้กู้ยืมเงินในการทำสัญญากู้ยืมเงิน โดยลูกหนี้เงินกู้ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่นำรถจักรยานยนต์มาเป็นหลักประกันเงินกู้ สามารถทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 17 คัน รถยนต์ 2 คัน และเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน 56 ฉบับมูลค่าวงเงินตามสัญญากู้ยืม ประมาณ 1,022,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ที่นำมาค้ำประกันเงินกู้ ส่วนใหญ่จะติดไฟแนนซ์ หรือเป็นชื่อพ่อแม่ ที่นักศึกษานำรถมาจำนำ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ละคันจะได้เงินประมาณคันละ 5,000-20,000 บาท แล้วแต่สภาพ ส่วนใหญ่ก็มีปัญหาด้านการเงิน หาเงินไปจ่ายค่าเทอม ค่าหอพัก ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางรายก็อาจจะใช้เงินเกินตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไป และขยายผลไปยังเครือข่ายอื่น ๆ พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำกลุ่มนายทุน หากจะปล่อยเงินกู้ก็ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ด้วยการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใน้การกำกับ(สินเชื่อฟิโกไฟแนนซ์) โดยสามารถยื่นขอใบอนุญาตสินเชื่อฟิโกไฟแนนซ์กับกระทรวงการคลังเพื่อประกอบธุรกิจตามกฎหมายต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี