ปลัด มท.นำถกแนวทาง"ยกระดับความเข้มข้นทำสงครามยาเสพติด" เตรียมแผนปฏิบัติการกระตุ้นสังคม จับมือภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนวาระแห่งชาติในระยะเร่งด่วน 3 เดือน เตรียม Kick Off "ตัดวงจรยาบ้าอย่างเข้มข้นเด็ดขาด" พร้อมกัน 1 ก.พ.67 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมบูรณาการสร้างระบบการดูแลผู้ป่วยยาเสพติด เพื่อสังคมไทยที่มั่นคงและยั่งยืน
วันนี้ (29 ม.ค. 67) เวลา 15.30 น.ที่ห้องประชุมราชบพิธ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) พล.ต.ต.วรพจน์ ดิษยบุตร ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นพ.ศักดา อัลภาชน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด "เป็นวาระแห่งชาติ" โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ในฐานะภาคีเครือข่ายของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงเป็นหน่วยงานสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทย ด้วยการร่วมไม้ร่วมมืออันก่อให้เกิดพลังแผ่นดิน ทั้งการป้องกัน การปราบปราม รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามฐานานุรูป อาทิ การปราบปรามกับผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาดแและจริงจัง หรือการบำบัดฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้เสพหรือผู้ป่วยยาเสพติด เพื่อนำตัวเข้ารับการบำบัดให้กลับมาเป็นคนดีคืนสู่สังคมและครอบครัว รวมไปถึงการดูแลเด็กและเยาวชนให้ได้รับการศึกษากล่อมเกลาตระหนักถึงโทษของยาเสพติด เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด นอกจากนี้ ท่านนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวแถลงกับรัฐสภาถึงการเป็นผู้นำของประเทศในการพูดคุยหารือกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตผู้ค้ายาเสพติดที่เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดความชั่วร้ายและสิ่งไม่ดีกับประเทศชาติ
"กระทรวงมหาดไทยได้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันน่าสลดใจเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู จนทำให้สังคมไทยเราเกิดการตื่นตัวเรื่องปัญหายาเสพติด โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายขับเคลื่อนยกระดับการจัดระเบียบสังคมและปราบปราบยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีชีวิตที่มีความมั่นคงและปลอดภัย ซึ่งทุกครั้งที่ตนได้ลงพื้นที่ไปตรวจราชการได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นท้องที่และผู้นำชุมชน ทุกคนล้วนมีความต้องการอย่างเดียวกัน คือ ต้องการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดให้หมดไปจากพื้นที่ ทำให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง พยายามลงพื้นที่เพื่อปราบปรามยาเสพติด รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทในทุกพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัด เพื่อแสดงถึงการเอาจริงเอาจังของคนมหาดไทยและภาคีเครือข่ายที่จะทำสงครามกับยาเสพติด ซึ่งเป็นภารกิจของการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" พี่น้องประชาชน" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า วันนี้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครองได้จัดทำแผนปฎิบัติการ (Action Plan) โดยให้ครอบคลุมทั้งการป้องกัน ปราบปราม และการบำบัดฟื้นฟู โดยมีมาตรการในระยะเร่งด่วน 3 เดือน ระหว่าง ก.พ. - เม.ย. 2567 โดยจะ Kick Off ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2567 เป็นต้นไป ร่วมกันประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยโหมสร้างกระแสการรับรู้กับสังคม เพื่อสื่อสารให้รู้ว่าเราจะทำสงครามยาเสพติด และหากมีเบาะแสสามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ให้หมดไป ในส่วนของจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เราสามารถใช้กลไกในพื้นทีเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับสังคม ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ กระทรวงมหาดไทยเราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว เราต้องอาศัยทุกท่านและทุกหน่วยงานมาร่วมกันขับเคลื่อน ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะได้ปรึกษาหารือรวมถึงมีข้อเสนอแนะเพื่อจับมือร่วมกันปราบปรามยาเสพติด รวมถึงได้ทบทวนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม เพื่อกำจัดจุดอ่อนและรักษาจุดแข็ง ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการร่วมกันในการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด
"อย่างไรก็ตามห้วงเวลา 3 เดือนนี้ ไม่ใช่ห้วงเวลาของความเข้มข้นในการปราบปรามยาเสพติดเพียงเท่านั้น แต่จะเป็นห้วงเวลาของการกู้คืนพื้นที่ของความมั่นคง โดยเฉพาะความมั่นคงทางจิตใจและสังคมของประชาชน โดยเราจะเริ่มที่หัวใจ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาร่วมกันรณรงค์ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อยึดคืนพื้นที่ทางสังคมหรือพื้นที่การปกครอง ทำให้ยาเสพติดหมดไปในทุกพื้นที่ของเรา รวมถึงยึดคืนพื้นที่ที่จิตใจของประชาชนให้กลับมามั่นใจในพวกเรา ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าสังคมจะปลอดภัย มั่นคง ด้วยการดึงทุกภาคส่วนมาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ขอให้ทุกท่านช่วยกันคิดต่อยอดให้เกิดมาตรการที่เข้มข้นทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทั้งหมดสามารถต่อยอดไปสู่ภารกิจต่าง ๆ สามารถนำภารกิจของกระทรวงไปสู่พื้นที่ รวมถึงสร้างระบบการเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่การเข้าบำบัดฟื้นฟู การติดตาม รวมถึงการส่งเสริมอาชีพ พร้อมขยายผลไปสู่การเกิด "Action Plan" ทำให้ลูกหลานของเราได้อยู่ในสังคมที่ปลอดภัย และสงบสุข เพื่อให้ทุกคนในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทำสิ่งที่ดีร่วมกันเพื่อสังคมและประเทศชาติ" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครองได้จัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) การขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหายาเสพติด" ในระยะเร่งด่วน 3 เดือน ระหว่าง ก.พ. - เม.ย. 2567 โดยจะ "Kick Off" เปิดปฏิบัติการตัดวงจรยาเสพติดอย่างเข้มข้นและเด็ดขาดทั้งแผ่นดิน พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.พ. 67 สำหรับส่วนกลาง จะมีกิจกรรม D-Day แถลงนโยบาย ประกาศเจตนารมณ์ ลงนาม MOU ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง UNODC และ 7 ภาคีเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เช่น เดินขบวนรณรงค์ เผาทำลายของกลาง ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกประเภท ทั้ง Offline และ Online ในส่วนของกรุงเทพมหานครและภูมิภาคจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แสดงพลังต่อต้านยาเสพติด เช่น การปฏิญาณตน การเดินขบวนรณรงค์ การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกประเภท ปล่อยแถวระดมกวาดล้างยาเสพติด โดยดำเนินการภายใต้ 5 มาตรการ 1) มาตรการป้องกัน 2) มาตรการปราบปราม 3) มาตรการบำบัดรักษา 4) มาตรการฟื้นฟูสภาพทางสังคม และ 5) มาตรการประชาสัมพันธ์ และสร้างการมีส่วนร่วม
พล.ต.ต.วรพจน์ ดิษยบุตร ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานของตำรวจ พร้อมสนับสนุน และเข้าร่วมทุกภารกิจที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของกระทรวงมหาดไทย และทุกภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งได้กำหนดอยู่ในแผนระดับชาติ ซึ่งภารกิจของตำรวจนั้นคือการสืบสวนและปราบปรามยาเสพติด ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ การประสานงานเชื่อมต่อระหว่างกระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการยกระดับความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่ทุกหน่วยงานจะได้จับมือร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด
นพ.ศักดา อัลภาชน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยได้ดำเนินการสร้างความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ (Health literacy) ให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ ซึ่งจากการประชุมในครั้งนี้เราจะเน้นหนักเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของกระบวนการบำบัดรักษากระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการวางกลไกนำผู้ป่วยเข้าสู่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม และการขยายหน่วยให้บริการในการสนับสนุนด้านการบำบัดฟื้นฟู เพื่อให้รองรับผู้ป่วยอย่างครอบคลุมและทั่วถึง นอกจากนี้เรายังได้ขยายโครงสร้างหน่วยงานพร้อมจัดการอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อนำผู้ป่วยยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่กระบวนการ ค้นหา คัดกรอง ผู้ป่วยทางจิตเวช เพื่อเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูตามสถานที่ตามระดับ นอกจากนี้ การดำเนินการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment and Rehabilitation: CBTx) จำแนกแบ่งเป็นการรักษาด้วยยา และรักษาด้วยสังคม ซึ่งในปี 2567 จะเริ่มใช้ฐานการบำบัดชุมชน โดยมี กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมบูรณาการ
นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า มาตรการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟู สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยมุ่งเน้น 3 พื้นที่ คือ 1) พื้นที่ผู้ติดยาเสพติด 2) พื้นที่การค้ายาเสพติด และ 3) พื้นที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติด เพื่อลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด รวมถึงการขยายผลเพื่อค้นหาแหล่งผลิต โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกด้านและทุกมิติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี