กลุ่มชาวบ้านที่ประกอบการค้าบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ฝากความหวังกับรัฐบาลให้ช่วยผลักดันเปิดประตูเหล็กทางขึ้น "ปราสาทพระวิหาร" หลังประสบปัญหานักท่องเที่ยวลดจำนวนลง

วันที่ 8 ก.พ.67 เวลา 08.30 น.ที่บริเวณผามออีแดงอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร บรรยากาศการท่องเที่ยวบนอุทยานค่อนข้างเงียบเหงาบริเวณลานจอดรถส่วนใหญ่มีเพียงรถของเจ้าหน้าที่ ส่วนรถของกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้นมีจำนวนไม่มากนัก

ขณะที่บรรยากาศการค้าร้านค้าจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกก็เงียบเหงา ร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเปิดบริการเพียง 2 ร้าน นอกจากนั้นเป็นร้านจำหน่ายเสื้อและของที่ระลึก หลังจากที่ปิดประตูเหล็กนักท่องเที่ยวก็เดินทางมาน้อยลง ประกอบกับเมื่อห้วงที่ผ่านมาประสบกับปัญหาโควิท-19 ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ที่มาจำหน่ายสินค้าบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารขาดรายได้อย่างต่อเนื่อง

นางสาวเพชรี กันชง อายุ 57 ปี ชาวบ้านหนองเม็ก ม.4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ประกอบการค้าร้านอาหารบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปิดประตูเหล็กทางขึ้นปราสาทพระวิหารการค้าก็ไม่ดีเลย หากทางรัฐบาลช่วยคุยให้ ตนก็รู้สึกก็ดีใจก็อยากฝากความหวังไว้ด้วย อยากให้รัฐบาลช่วยเป็นหูเป็นตาแล้วก็เร่งช่วยเปิด ให้พวกเราทำมาค้าขายได้ เพราะว่าช่วงนี้ก็เริ่มแย่มาก นักท่องเที่ยวก็น้อย ผู้ประกอบการก็ไม่มีรายได้ทางอื่น เราเป็นคนพื้นที่ตรงนี้ อยากให้แหล่งท่องเที่ยวตรงนี้มันดีขึ้นเหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมาเหมือนช่วงที่เปิดประตูเหล็กทางขึ้นชมตัวปราสาทพระวิหาร

หลังจากที่มีการพบกันของผู้นำทั้งสองประเทศเมื่อวานที่ผ่านมา ชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังคงคาดหวังว่าผู้นำทั้งสองจะหยิบยกเรื่องการเปิดประตูเหล็กทางขึ้นปราสาทพระวิหารมาคุยกัน ซึ่งต่างก็คาดหวังไว้ว่าหากมีการเปิดจะส่งผลให้การค้าการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง - 003