วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
หนึ่งเดียวในโลก! 'แสกเต้นสาก'วันบวงสรวง'โองมู้'นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของชาวแสก จ.นครพนม

หนึ่งเดียวในโลก! 'แสกเต้นสาก'วันบวงสรวง'โองมู้'นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของชาวแสก จ.นครพนม

วันอาทิตย์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 18.57 น.
Tag : แนวหน้าออนไลน์ นครพนม ชาวไทแสก
  •  

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2567 ที่ศาลเจ้าเดนหวั่วโองมู้ ริมแม่น้ำโขง บ้านอาจสามารถ หมู่ 4 ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดฯ น.ส.ศุภพานี โพธิ์สุ นายก อบจ.นครพนม นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอเมืองนครพนม น.ส.ณัตติยา สีใส ส.อบจ.อำเภอเมืองนครพนม เขต 1 ได้ร่วมพิธีเปิดงานประเพณีวันรวมใจไทแสก ประจำปี 2567  หรือวันปีใหม่ชาวไทแสก ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 โดย นายปรีชา ศรีสงค์ นายก อบต.อาจสามารถ และได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงาน ว่า เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีชาวไทแสก ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ชนเผ่าของ จ.นครพนม ที่มีบันทึกถึงถิ่นฐานเดิมอยู่ในประเทศจีน และเวียดนาม ก่อนจะอพยพล่องลงมาถึงเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว แล้วข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ที่ ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม

ด้านนายไพรัตน์ สุสิงห์ กำนันตำบลอาจสามารถ กล่าวว่า  งานวันรวมใจไทแสก เป็นวันที่ชาวไทแสกทุกคน ต้องมารวมตัวกัน ณ ศาลเจ้าเดนหวั่วโองมู้ ในวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เพื่อแสดงออกถึงความเคารพและนับถือซึ่งดวงวิญญาณบรรพบุรุษคือโองมู้ ที่ชาวไทแสกให้ความเคารพสักการะ กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย พิธีกรรมการกินเตรดเดน ซึ่งเป็นภาษาไทแสก หมายถึงจัดพิธีบวงสรวงไหว้บรรพบุรุษ คล้ายประเพณีวันตรุษจีน ทั้งนี้ชาวไทแสกเชื่อว่าเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญ เป็นการสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่น ก่อให้เกิดความรักความผูกพัน สร้างจิตสำนึก และหวงแหนในวัฒนธรรมของตน มุ่งสอนให้ผู้น้อยให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่กว่า มีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และเป็นการพบปะสังสรรค์กันทุกครัวเรือน


หลังพิธีบวงสรวงโองมู้แล้ว คือการแสดง "แสกเต้นสาก" ซึ่งเป็นการละเล่นประจำชนเผ่า จะมีขึ้นเฉพาะพิธีบวงสรวงโองมู้  ในวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 เท่านั้น โดยชาวแสกจะเต้นสากถวายโองมู้  โดยอดีตใช้สากตำข้าว ลักษณะยาวประมาณ 2 เมตร ตรงกลางเรียวเล็ก ตีกระทบกันเป็นจังหวะประกอบการเต้น ร่วมกับดนตรีพื้นบ้าน เช่น กลองใหญ่ กลองเล็ก ฆ้อง ฉิ่ง ฉาบ และพังฮาด ที่มีลักษณะคล้ายฆ้อง ตรงกลางจะนูนเป็นวงกลม ภายหลังชาวแสกเลิกใช้สากตำข้าว จึงหันมาใช้ไม้ชนิดอื่นสมมติว่าเป็นสากตำข้าว แม้เสียงจะไม่หนักแน่นเหมือนสากกะเบือยักษ์ แต่ความไพเราะก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

การเต้นจะใกล้เคียงกับรำลาวกระทบไม้ (มีบันทึกว่าการเต้นสากเป็นต้นฉบับรำลาวกระทบไม้) และจังหวะจะโจ๊ะและเร็วกว่าลาวกระทบไม้ มีทั้งเต้นเดี่ยว เต้นคู่ โดยผู้ทำหน้าที่เคาะไม้สากจะนั่งตรงข้ามจับคู่กันประมาณ 5 ถึง 7 คู่ คนเต้นกับคนเคาะไม้จะต้องเข้าขา ผ่านการซ้อมกันมาอย่างดี ต่อมารำแสกเต้นสาก ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากหน่วยงานราชการ เพื่อให้ดำรงคงอยู่เป็นสมบัติของชาวไทแสกตลอดไป พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของจังหวัดนครพนม

ทั้งนี้ การละเล่นแสกเต้นสาก จากเดิมมีให้เห็นเฉพาะในวันบวงสรวงโองมู้ ปัจจุบันมีให้ชม ในวาระสำคัญของ จ.นครพนม เช่นมีแขกบ้านแขกเมืองมาเยือน หรือเทศกาลอื่นๆ ถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด

จากบันทึกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวไว้ในหนังสือโบราณคดี เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาวแสก ว่า มีถิ่นเดิมอยู่แถบเมืองวินห์ เมืองรอง ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนจีนและเวียดนาม โดยอพยพมาตามแม่น้ำโขง มีบางส่วนได้แยกไปตั้งถิ่นฐานอยู่แคว้นสิบสองปันนา บางกลุ่มโยกย้ายอยู่บ้านโพธิ์ค้ำ บ้านตอกดอกแค เมืองท่าแขก สปป.ลาว และมีบางส่วนได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ฝั่งประเทศไทย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยมีโองมู้เป็นผู้นำในการอพยพในครั้งนี้

ซึ่งจากงานเขียนของนายสุรจิตร จันทรสาขา ได้กล่าวไว้ว่า พระสุนทรราชวงษา (ฝ้าย) ให้ชาวแสกตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ป่าหายโศก เพราะทรงเห็นว่ามีนิสัยรักสงบ และทรงแต่งตั้งให้เป็นกองอาทมาต ทำหน้าที่ลาดตระเวนตามแนวน้ำโขง ภายหลัง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า แต่งตั้งชุมชนเผ่าไทแสกให้เป็นเมืองอาทมาตขึ้นกับเมืองนครพนม โดยให้ท้าวฆาน บุตดี เป็นหลวงเอกอาษา ทำหน้าที่เป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเมืองจากอาทมาตเป็นเมืองอาจสามารถ

และในเอกสารจดหมายเหตุ ร.3 จ.ศ.1191 เลขที่ 3 หอสมุดแห่งชาติ มีข้อความกล่าวถึงประวัติการตั้งเมืองอาจสามารถ ว่า ประเทศไทยได้มีการปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาค ให้เป็นแบบเดียวกันทั่วราชอาณาจักร  โดยให้ยกเลิกการปกครองแบบโบราณของเมืองต่างๆ ในภาคอีสาน ซึ่งเคยปกครองแบบมีเจ้าเมืองอุปฮาต ราชวงศ์ และราชบุตรทั้งหมด ให้เปลี่ยนเป็นตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง ปลัดเมือง ยกบัตรเมือง โดยให้เมืองนครพนมมีพระยาพนมนครานุรักษ์ เป็นผู้ว่าราชการเมือง แบ่งการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ คือ 1.อ.เมืองนครพนม 2.อ.เรณูนคร 3.อ.อาจสามารถ 4.อ.อากาศอำนวย 5.อ.กุสุมาลย์ และ มลฑลอำเภอโพธิไพศาล

ต่อมา อ.อากาศอำนวย อ.กุสุมาลย์ และมลฑลอำเภอโพธิไพศาล ถ่ายโอนไปขึ้นกับ จ.สกลนคร ส่วน อ.อาจสามารถได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น ต.อาจสามารถ เนื่องจากเขตอำเภอเมือง กับ อ.อาจสามารถมีพื้นที่ติดกัน ห่างกันแค่ 4 กม.เท่านั้น โดยชนเผ่าไทแสก จะอาศัยอยู่มากที่บ้านอาจสามารถ และบ้านไผ่ล้อม ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม มีบางส่วนที่แยกไปอยู่ที่บ้านบะหว้า อ.นาหว้า และ บ้านดอนสมอ อ.ศรีสงคราม ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้จะแยกย้ายกันไปตั้งบ้านเรือนอยู่ต่างบ้านต่างอำเภอ แต่ชนเผ่าไทแสกจะมีบรรพบุรุษคนเดียวกันคือโองมู้นั่นเอง

---017

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สุดสลด!! รอง ผกก.สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ขับกระบะตราโล่พลิกคว่ำเสียชีวิต คาดฝนตกถนนลื่น สุดสลด!! รอง ผกก.สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ขับกระบะตราโล่พลิกคว่ำเสียชีวิต คาดฝนตกถนนลื่น
  • ศอ.บต.เดินหน้าเยียวยา จนท.ตำรวจ จากเหตุระเบิด ศอ.บต.เดินหน้าเยียวยา จนท.ตำรวจ จากเหตุระเบิด
  • โปรดเกล้าฯรองผู้ว่าฯยะลา เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บเหตุคนร้ายลอบยิง โปรดเกล้าฯรองผู้ว่าฯยะลา เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บเหตุคนร้ายลอบยิง
  • \'มทภ.2\'ย้ำ!คุมเข้มชายแดน ให้คำมั่น!ดูแลผลประโยชน์ชาติอย่างดีที่สุด 'มทภ.2'ย้ำ!คุมเข้มชายแดน ให้คำมั่น!ดูแลผลประโยชน์ชาติอย่างดีที่สุด
  • ตชด.ซุ่มจับยาบ้า 3 แสนเม็ดริมโขงศรีสงครามพบสารอันตรายผสมหวังทะลักเข้าตอนใน ตชด.ซุ่มจับยาบ้า 3 แสนเม็ดริมโขงศรีสงครามพบสารอันตรายผสมหวังทะลักเข้าตอนใน
  • หวั่น \'ปราจีนบุรี\' กลายเป็นถังขยะ EEC ประชาสังคมปราจีนบุรี คัดค้านขยายพื้นที่อุตสาหกรรม หวั่น 'ปราจีนบุรี' กลายเป็นถังขยะ EEC ประชาสังคมปราจีนบุรี คัดค้านขยายพื้นที่อุตสาหกรรม
  •  

Breaking News

ชำแหละคดีจำนำข้าว'ยิ่งลักษณ์' จับตา 22 พ.ค.ศาลปกครองสูงสุด! ชี้แม้รอดแพ่ง คดีอาญายังอยู่

'ใบเฟิร์น-ชาคริต'คว้านักแสดงนำยอดเยี่ยม 'กรรชัย'พิธีกรยอดเยี่ยม-'ต่าย อรทัย'นักแสดงนำหญิงละครเย็น

ผู้แสวงบุญหญิงชาวไทยวัย 71 ปี เสียชีวิตขณะประกอบพิธีฮัจย์ ที่ซาอุดีอาระเบีย

โจมตีครั้งใหญ่! รัสเซียส่งโดรนถล่มยูเครน273ลำ ก่อน'ทรัมป์-ปูติน'ยกหูหารือเพียง1วัน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved