วันพฤหัสบดี ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
'พปชร.'เปิดเวทีไทยรับมือ'ฟรีวีซ่า'อย่างไรให้ได้ประโยชน์ถึงมือปชช. ดึงจีนเที่ยวเพิ่มดันGDPโต

'พปชร.'เปิดเวทีไทยรับมือ'ฟรีวีซ่า'อย่างไรให้ได้ประโยชน์ถึงมือปชช. ดึงจีนเที่ยวเพิ่มดันGDPโต

วันอังคาร ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 16.15 น.
Tag : จีน ท่องเที่ยว แนวหน้าออนไลน์ พปชร. ฟรีวีซ่า
  •  

'พปชร.'เปิดเวทีไทยรับมือ'ฟรีวีซ่า'อย่างไรให้ได้ประโยชน์ถึงมือปชช. รุกใช้ดิจิทัลหนุน-เข้มปลอดภัยรับดีเดย์ 31 มี.ค.นี้ ดึงจีนเที่ยวเพิ่มดันGDPโต  

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2567 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดกิจกรรม “เวทีวิชาการพรรคพลังประชารัฐ ในหัวข้อ ไทยจะรับมือ “ฟรีวีซ่า” อย่างไร ให้ได้ประโยชน์ถึงมือประชาชน? โดยมีนายอัครแสนคีรี โล่วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และอดีตโฆษกกองบังคับตำรวจนครบาล เข้าร่วม ดำเนินรายการโดย ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพื่อนำเสนอมุมมองที่ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการใช้มาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีน ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ ที่จะส่งผลต่อการเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทย-จีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมากยิ่งขึ้น


โดยนายอัครแสนคีรี กล่าวว่า ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการติดต่อค้าขายและมีสัมพันธไมตรีทางการทูตกันมาอย่างยาวนาน เกิดการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เติบโตผ่านความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ฯลฯ  โดยเฉพาะการท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ไทยประกาศให้ ‘ฟรีวีซ่าชั่วคราว’ แก่นักท่องเที่ยวจีนช่วงปลายเดือนกันยายน 2566 สิ้นสุดลงในวันที่ 29 ก.พ.2567 ต่อมารัฐบาลไทยและจีนได้ลงนามในข้อตกลงยกเว้นข้อกำหนดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวของกันและกันแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2567 เป็นต้นไป ซึ่งสามารถเที่ยวได้นานถึง 30 วัน ดังนั้นนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนคาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

“เพียง 1 ชั่วโมงหลังมีรายงานข่าวฟรีวีซ่าออกไป ยอดการค้นหาคําว่า “ประเทศไทย” บนแพลตฟอร์มของ ซีทริป กรุ๊ป ผู้ให้บริการด้านการเดินทางท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นมากกว่า 90% และล่าสุดข้อมูล ณ  5 ก.พ. 67 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 4 ก.พ. 67 ทั้งสิ้น 3,513,155 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 170,411 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสูงสุด 617,578 คน รองลงมา มาเลเซีย 377,383 คน และ รัสเซีย 249,377 คน คาดว่าก่อนเทศกาลตรุษจีนจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆเข้ามาเพิ่ม โดยมีจำนวนเที่ยวบินขาออกที่เพิ่มขึ้นของจีน การยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน และนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลตั้งเป้าภายในปี 2567 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาทะลุ 30 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจีนทะลุ 5 ล้านคนซึ่งจะการท่องเที่ยวจะช่วยดันให้GDPปี 67 เติบโตขึ้นได้” นายอัครแสนคีรี กล่าว

อย่างไรก็ตามแม้ว่า “ฟรีวีซ่า” สําหรับนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นยาแรงในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยแล้วแต่ก็อาจยังมี “ข้อควรระวัง” ที่รัฐบาลควรรับไว้พิจารณาโดยเมื่อไม่ต้องใช้วีซ่าอาจทำให้การคัดกรองคนที่เข้มงวด ผ่านวีซ่านั้นลดลง ทั้งนี้ วีซ่าเข้าไทยจะแบ่งประเภทนักท่องเที่ยวตามวัตถุประสงค์ เป็นวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทํางาน วีซ่านักเรียน วีซ่าธุรกิจ วีซ่าคู่สมรส ฯลฯ โดยมีการกําหนดระยะเวลา และขอบเขตกิจกรรมที่สามารถทําได้สําหรับวีซ่าแต่ละประเภท อย่างในบางประเทศ การถือเพียงวีซ่านักเรียน สามารถเรียนหนังสือได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถทํางานในระหว่างเรียนได้    สำหรับปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในปีที่ผ่านมาถือว่าเกินเป้าเล็กน้อย

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ราว 4 ล้านคน โดยมีชาวจีนที่เดินทางมาไทยอยู่ที่ 3.5 ล้านคน มากสุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางมาไทยกว่า 4.5 ล้านคนแต่ช่วงหลังเกิดเหตุกราดยิงใจกลางกรุงเทพฯ และมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต  โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 ถือว่าน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ซึ่งเคยพุ่งสูงเกือบ 11 ล้านคน ขณะที่ในปี 2565 มีคนจีนเดินทางมาไทยเพียงราว 270,000 คน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย ปี 2565 รวมมูลค่า Tourism GDP ที่จำนวน 982,585 ล้านบาท คิดเป็น 5.66% ของ GDP สูงกว่าปี 2563 (ปีก่อนเริ่มโควิด)

ด้านนายอัคร กล่าวว่า  ปี 2566 ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและ กรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 4 รองจาก ลอนดอน ปารีส และ นิวยอร์ค และจากฟรีวีซ่าทำให้ล่าสุดนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาเที่ยวไทยเป็นอันดับ 1 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวไทยควรจะปรับตัวเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวจีน ในการท่องเที่ยวที่ใช้เทคโนโลยีในภูมิทัศน์ การเดินทางที่เป็นนวัตกรรมของจีนบริการไร้สัมผัสและการชำระเงินดิจิทัลกลายเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของจีนนักท่องเที่ยวสามารถทางไปยังจุดสัมผัสต่างๆ เช่น การเช็คอิน การรักษาความปลอดภัย การรับประทานอาหาร และ การช้อปปิ้ง โดยมีการโต้ตอบทางกายภาพน้อยที่สุด รหัส QR ได้ทำการปฏิวัติวิธีการชำระเงินการทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟน และลดความจำเป็นในการใช้สกุลเงินหรือบัตร สอดคล้องกับการขับเคลื่อนสังคมไร้เงินสด ของประเทศ

“เทรนด์การท่องเที่ยวจีนปี 2566 พบว่า 4 อันดับแรก ได้แก่ 1.ให้ความสนใจด้านสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร 2.ให้ความสนใจด้านความสบายและการผ่อนคลาย 3.เรื่องความท้าทายและการค้นพบสิ่งใหม่ 4.ประสบการณ์ท้องถิ่นเชิงลึก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มมีความเชียวชาญด้านเทคโนโลยีมากขึ้นโดยมองหาประสบการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ทัวร์เสมือนจริงการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมรดก และสุขภาพโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ WeChat มีความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งไทยจะต้องปรับให้สอดรับกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนให้มากขึ้น” นายอัคร กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า  สาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยลดน้อยลงในช่วงที่ผ่านมาอาจมาจากสภาพเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว จำนวนไฟลต์บินราคาประหยัดในยุคหลังโควิดที่ลดน้อยลง ประกอบกับเหตุผลด้านความปลอดภัย จึงข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเพิ่มมาตราการในการรักษาความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างของประเทศ ทั้งที่โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้งอุบัติเหตุในการเดินทางสัญจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาประเทศไทย

“ไทยต้องยกระดับมาตรความปลอดภัยภายในศูนย์การค้าและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศ ตั้งกล้องวรจรปิด CCTV ให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่และตรวจเช็คระบบให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อติดและตรวจสอบการเข้าออกของบุคคลและยานพาหนะอย่างเข้มงวด รวมทั้งเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยการเพิ่มการฝึกอบรมในการระงับเหตุร้ายทุกรูปแบบอยู่เป็นประจำ เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินและสามารถเข้าช่วยเหลือลูกค้าและบุคลากรได้ทันเหตุการณ์ ติดตั้งแอปพลิเคชันที่รองรับได้หลายภาษาเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขอความช่วยเหลือจากตำรวจเวลา และระบบข้อความเตือนภัยเร่งด่วนไปยังโทรศัพท์มือถือเวลาเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ต่างๆในประเทศไทย”  พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘สถาบันฯสร้างชาติ’จัดประชุมใหญ่นานาชาติฯ ‘สาธารณสุข’ ยันดูแลคนทุกวัย ปั้นศก.สุขภาพ ‘สถาบันฯสร้างชาติ’จัดประชุมใหญ่นานาชาติฯ ‘สาธารณสุข’ ยันดูแลคนทุกวัย ปั้นศก.สุขภาพ
  • สภาผู้บริโภคปล่อยขบวนรถเมล์ 3 เส้นทาง ชวนออกแบบเมืองที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคปล่อยขบวนรถเมล์ 3 เส้นทาง ชวนออกแบบเมืองที่เป็นธรรม
  • \'นายกสมาคมนักประดิษฐ์ฯ\'ให้กำลังใจ\'อนุทิน-แม่ทัพภาค 2\' พร้อมประกาศจุดยืนการทำหน้าที่ของทหาร 'นายกสมาคมนักประดิษฐ์ฯ'ให้กำลังใจ'อนุทิน-แม่ทัพภาค 2' พร้อมประกาศจุดยืนการทำหน้าที่ของทหาร
  • ‘ชนินทร์’ถกสภาผู้บริโภค หนุนใช้รายได้ รฟม.อุดหนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ‘ชนินทร์’ถกสภาผู้บริโภค หนุนใช้รายได้ รฟม.อุดหนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
  • ‘วทบ.รุ่น69’ร่วมส่งกำลังใจสู่แนวหน้า หนุนจนท.ทหารชายแดน ปกป้องอธิปไตยไทยเต็มที่ ‘วทบ.รุ่น69’ร่วมส่งกำลังใจสู่แนวหน้า หนุนจนท.ทหารชายแดน ปกป้องอธิปไตยไทยเต็มที่
  • ‘รมว.แรงงาน’ นำทัพ Safe@Work 2025 ชู ‘ความปลอดภัย’ เป็น ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’ ‘รมว.แรงงาน’ นำทัพ Safe@Work 2025 ชู ‘ความปลอดภัย’ เป็น ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’
  •  

Breaking News

‘พล.ท.นันทเดช’ยก 3 ข้อ‘อิ๊งค์’ถวายสัตย์ฯ จับตาสำนึกจากนี้‘หยุด หรือดื้อต่อ’

‘ผบ.ตร.’ชื่นชม‘9 นักเรียนนายสิบ’มี Mindset ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทันท่วงที

หงอเกิน! หวดรัฐบาลปล่อย‘กัมพูชา’เบ่งห้ามไทยปิดกั้น 4 ปราสาท จี้ตอบโต้ อย่าปล่อยให้เคลม

การไฟฟ้า‘กัมพูชา’สั่งเลิกออกใบแจ้งหนี้รับ‘เงินบาท’ ภาคเอกชนหนุนใช้‘เรียล’สกุลประจำชาติแทน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved