ปปป.สอบเมียพี่ศรี
ตบทรัพย์อธิบดีข้าว
ชี้หลักฐานมัดแน่น
ร่วมกันทำความผิด
อธิบดีกรมการข้าว ชี้แจง กมธ.ติดตามงบฯ มั่นใจทำทุกอย่างตามขั้นตอน-ใช้งบฯ ตามวัตถุประสงค์โครงการฯ ด้านอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ปัดให้ความเห็น ยืนยันความบริสุทธิ์ ขณะที่ รอง ผบช.ก.แจ้งข้อหาภรรยา‘ศรีสุวรรณ’ยันมีหลักฐานแน่นร่วมกระทำผิด ส่วนผู้ต้องหากลุ่มแรก ยังนัดส่งคำให้การ 16 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พร้อมด้วยนายธนดล สุวรรณณฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในการประชุมมีการพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณของกรมการข้าว และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อธิบดีกรมการข้าว อธิบดีกรมฝนหลวงฯ ผอ.สำนักงบประมาณ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าให้ข้อมูล
ทั้งนี้ นายธนดล ซึ่งได้รับมอบหมายจาก รมว.เกษตรฯ ช่วยติดตามด้านกฎหมายในเรื่องที่เกิดขึ้น กล่าวว่า จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ไม่อิงตามกระแส ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ มีการตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงแล้ว ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะเป็นโครงการที่เกิดขึ้นมานานแล้ว หากมีการทุจริตจริง โครงการก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ ยืนยันว่ายังมั่นใจในตัวอธิบดีกรมการข้าวว่าไม่ได้ทุจริต และเป็นเพียงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งหากทำหน้าที่ได้ไม่ดี ก็คงไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นอธิบดีตั้งแต่แรก จึงขอความเป็นธรรมแก่อธิบดี และเจ้าหน้าที่ด้วย
ด้านนายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเตรียมการใดๆ ในการชี้แจง กมธ.เนื่องจากทุกอย่างอยู่ในสมองอยู่แล้ว ไม่มีเอกสารใดๆ และพร้อมให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดัน เพราะตนเองไม่ได้กระทำผิด และดำเนินโครงการตามขั้นตอน ไม่ได้พลิกแพลงอะไร โครงการก็เป็นไปตามงบประมาณและวัตถุประสงค์ของโครงการ ไม่ผิดเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณ มีนิติกรของกรมฯ เข้ามาช่วยติดตาม เพราะกรมฯ ต้องดูแลเกษตรกรจำนวนมาก ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ ที่ได้ของบประมาณจากสำนักงบประมาณ ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการ ใช้เวลาในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวในการเก็บข้อมูล เพราะมีการดำเนินการของอีกฝ่ายคล้ายขบวนการ ส่วนมีใครมาคุกคามอยู่หรือไม่ ก็ไม่มีแล้ว ก่อนที่นายธนดล จะพูดหยอกว่า “ยกเว้นภรรยา”
นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวอีกว่า ไม่ได้มีการพบหรือพูดคุยกับนายสุพิศ ที่ถูกร้องเรียนโครงการจัดซื้อเครื่องบิน 2 ลำ ซึ่งนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยมาร้องเรียนให้คณะกรรมาธิการฯ ตรวจสอบเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566
ขณะที่นายสุพิศ ปฏิเสธที่จะให้การสัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน พร้อมขอให้รอฟังการชี้แจงโดยตรงต่อกมธ.เท่านั้น โดยย้ำว่าไม่ขอยืนยันอะไรใดๆ ทั้งสิ้น นอกจาก ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ซึ่งรู้สึกสบายใจ ไม่กังวลต่อการมาชี้แจงครั้งนี้แต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่งพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ระบุว่า กรณีที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกภรรยาของนายศรีสุวรรณ มารับทราบข้อหานั้น ทางภรรยาของนายศรีสุวรรณ ยืนยันว่าจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้ ซึ่งจะมีการสอบปากคำในประเด็นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวการร่วม ซึ่งตำรวจมีหลักฐานเป็นแชทไลน์คลิปวิดีโอคลิปเสียง และอื่นๆ ครบทุกอย่าง ส่วนผู้ต้องหากลุ่มแรก ที่มีกำหนดนัดส่งคำให้การแก่พนักงานสอบสวนในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ยังไม่รู้ว่าผู้ต้องหาจะมาเอง หรือส่งตัวแทนมายื่นหนังสือ แต่ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการขอเลื่อนส่งคำให้การ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนก็ต้องเรียกผู้ต้องหามาพบอยู่ดีเพราะมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องเรียกมาสอบเพิ่มเติม
ต่อมาในช่วงบ่ายนางณพัชญ์ปภา จรรยา อายุ 43 ปี ภรรยาของนายศรีสุวรรณ พร้อมทนายความ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดฯ โดยพบพนักงานสอบสวนบก.ปปป.ทันที โดยไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน ที่มาเฝ้ารอติดตามทำข่าว แม้ว่าจะถูกสอบถามในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการเตรียมพยานหลักฐานอะไรมาบ้าง เรื่องที่มีส่วนรู้เห็นกับเงิน 5 แสนบาท หรือไม่ รวมถึงมีส่วนร่วมกับการตบทรัพย์หรือไม่ โดยภรรยานายศรีสุวรรณ ได้แต่ยกมือไหว้ และบอกว่า “ขอยังไม่ให้คำตอบ ขออนุญาตยังไม่ตอบ ขอโทษด้วยนะคะ”
ส่วน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นางณพัชญ์ปภา ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ซึ่งถือว่าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนี้ก็สอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาสนับสนุนเจ้าพนักงานฯ และคาดว่าพนักงานสอบสวนน่าจะพิจารณาให้ประกันตัว ซึ่งตนยังไม่ได้มีการสอบถามถึงพฤติกรรมเบื้องต้นเชื่อว่าภรรยานายศรีสุวรรณมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการรับเงิน 5แสนบาท และมีความเชื่อมโยงไปถึงเงิน 1 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินชุดแรกที่ผู้เสียหายโอนให้กับแก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ช่วงก่อนปีใหม่ ส่วนที่พนักงานสอบสวนมีการเรียกผู้ถือบัญชีม้าของนายศรีสุวรรณมาสอบปากคำ เกี่ยวกับการเงินในบัญชี ทางพนักงานสอบสวนได้เก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว ก่อนจะพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือจะกันผู้ถือบัญชีม้าคนดังกล่าวไว้เป็นพยาน
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าคดีนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสรุปสำนวนได้ในอีกไม่นานนี้ สำหรับการยึดอายัดทรัพย์สินนั้น บก.ปปป.ได้ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาโดยตลอดนอกจากนี้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้นายศรีสุวรรณมายื่นเอกสารคำให้การแก้ข้อกล่าวหา โดยสามารถให้ทนายความเข้ามายื่นแทนได้ และจนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังสามารถติดต่อกับทนายความของนายศรีสุวรรณได้ส่วนการพูดคุยกับนายโอวาท ยิ่งลาภ ผอ.กองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ที่เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากหลักฐานทางแชทแอปพลิเคชั่นไลน์ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคดีตบทรัพย์
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) วันเดียวกัน นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง.กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ซึ่งรับผิดชอบในคดีของนายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก ตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว เตรียมหารือถึงรายการทรัพย์สินทั้งหมดของกลุ่มผู้ต้องหา ว่าทาง ปปง.รับเรื่องจาก 2 หน่วยงาน คือ 1.ภาคประชาชน ผ่านทางนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ และ 2.หน่วยงานรัฐ โดยรับเรื่องจากคณะพนักงานสอบสวน บก.ปปป.
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ปปง.มีหน้าที่ตรวจสอบความชัดเจนเรื่องความผิดมูลฐานจากนั้นจึงเสนอไปยังคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อมีมติให้ตรวจสอบเชิงลึก และออกคำสั่งมอบหมายไปยังกองคดีที่เกี่ยวข้อง vย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่จะทราบตัวผู้กระทำผิดแต่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่ายังมีบุคคลอื่นๆเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดเช่น ภรรยา หรือญาติและครอบครัว เพื่อดูว่ามีการผ่องถ่ายทรัพย์สิน หรือถ่ายโอนทรัพย์สิน เปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินไปยังกลุ่มบุคคลเหล่านี้หรือไม่ จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินและธุรกรรมทางการเงิน เพื่อเข้าสู่การยึดและอายัด ซึ่งทราบว่าทาง บก.ปปป.กำลังไล่ตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดมาก่อนหรือไม่
“หากสังเกตดูในจุดเริ่มต้นจะพบว่าช่วงที่เขากระทำ คือเอาเงินไปแขวนไว้ และถือเงินเข้าไปภายในบ้าน และรีบโยนทิ้ง ในส่วนนี้เราก็ต้องไปดูเช่นกันว่าเงินก้อนดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดหรือไม่ และเรามีการบูรณาการกับ บก.ปปป.และประสานงานกับ ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.สิ่งที่เราประสานไปก็เพื่อต้องมีความชัดเจนในความผิดมูลฐาน” เลขาธิการ ปปง.กล่าว
นายเทพสุ กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมหารือเรื่องรายการทรัพย์สินของนายศรีสุวรรณ กับพวกได้มอบหมายให้คณะทำงานร่วมประชุมกับ บก.ปปป.แล้ว นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างประสานงานกับ 3 หน่วยงานตามที่เรียนไปข้างต้น เพราะเวลาที่เราจะทำสำนวนเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรม จะต้องมีความชัดเจนในระดับหนึ่ง เช่น พฤติการณ์ ห้วงเวลาการกระทำความผิด เพื่อใช้ไปต่อยอดในการตรวจสอบทรัพย์สิน และที่สำคัญ ปปง.จะไม่ตรวจสอบย้อนหลังในอดีต แต่เราจะตรวจสอบตอนกลุ่มผู้ต้องหากระทำความผิด และได้ทรัพย์สินอะไรบ้างในช่วงเวลานั้น
ทั้งนี้ คอนเซ็ปต์ดำเนินการตรวจสอบของ ปปง.ก็มาจากแนวทางคำวินิจฉัยของศาลฎีกาและคณะกรรมการธุรกรรม เพราะอำนาจของ ปปง.เป็นอำนาจที่เด็ดขาดรุนแรง การใช้จะไม่ใช้แบบครอบจักรวาลแต่ต้องทำผ่านการรวบรวมพยานหลักฐาน การจะไปตรวจสอบย้อนหลังถึงอดีตมันไม่ถูกต้อง เราต้องดูและยึดตามพฤติการณ์ ห้วงเวลาการกระทำความผิดของพวกเขา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี