จากกรณีเหิดเหตุสลดใจ “ภาณุมาศ” 1 ใน 5 ผู้ต้องหาถูกฟ้องบุกรุกบ้าน “อากู๋” ตัดสินใจผูกคอตายลาโลก เหตุเกิดจากความเครียดจากคดีความและข่าวครอบครองปรปักษ์ ขณะที่ทนายผู้ตายโวยคู่กรณีใช้สื่อกดดันทำให้ลูกความเครียดจนจบชีวิต
รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 27 ก.พ. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ “อาย-ซัน” หลานชายและสะใภ้อากู๋ ผู้ได้รับมอบอำนาจให้จัดการแทน ขอความเป็นธรรมไม่ได้ใช้สื่อกดดันทำให้คุณนุต้องจบชีวิตตัวเอง มาพร้อม “ทนายกุ้ง อำนวยพร มณีวรรณ์” ทนายที่ “เดชา กิตติวิทยานันท์” มอบหมายให้ดูแลคดีนี้ รวมทั้ง “อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน
ทนายกุ้ง ทนายของอากู๋ บอกว่า คุณนุ ผู้เสียชีวิต เป็น 1 ในผู้ต้องหาคดีแรก คือ คดีบุกรุก ที่ตำรวจส่งสำนวนไปอัยการ ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีครอบครองปรปักษ์ โดยคดีครอบครองปรปักษ์นั้น คือ คุณศรีพรรณ ไม่เกี่ยวกับคุณภานุมาศผู้เสียชีวิต
คุณนุ คือคนละกลุ่มกับคดีครอบครองปรปักษ์ และทางในคดีแพ่งที่ยื่นฟ้องไป เราก็ฟ้องคุณศรีพรรณคนเดียว สำหรับข้อพิพากที่เกิดขึ้น เริ่มจากการที่ฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงได้แจ้งความดำเนินคดี “คดีบุกรุก” กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 คน ที่เข้าไปยึดครองบ้านหลังดังกล่าว โดยในจำนวนนั้นมี คุณนุ อยู่ด้วย ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดจะสั่งฟ้องในวันที่ 6 มีนาคมนี้
ต่อมา มาเกิดเรื่องราวภาค 2 ขึ้น เมื่อหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา คือคุณศรีพรรณ ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ออกคำสั่งครอบครองปรปักษ์กับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อทางฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงทราบเรื่อง จึงมอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นเรื่องคัดค้านและฟ้องขับไล่ พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง โดยคิดเป็นค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี ซึ่งเป็นในส่วนของคดีแพ่ง ในส่วนของคดีอาญาทางเจ้าของบ้านตัวจริงได้ไปแจ้งความข้อหาบุกรุกกับคุณศรีพรรณด้วย ซึ่ง คุณนุ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีในภาค 2 แต่อย่างใด
ในส่วนของ ซัน และ อาย บอกว่า เสียใจกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของคุณนุ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อวานนี้ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดบางคำของทางทนายความฝั่งนั้น ที่พูดเหมือนทำให้เราเป็นจำเลยสังคม เป็นต้นเหตุที่ไปกดดันจนเขาจบชีวิตตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เขาได้คิดก่อนจะพูดออกมาหรือไม่ว่า คนที่ถูกพาดพิง จะรู้สึกอย่างไร
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. คุณพลกฤษณ์ ซึ่งเป็นสามีของคุณนุ ได้ส่งข้อความมาขอโทษอากู๋ ส่งให้ซัน และ อาย บอกว่าไม่อยากสู้คดีกันต่อแล้ว ขอโทษกับเรื่องราวนี้ทุกอย่าง และจะให้คุณศรีพรรรไปถอนฟ้องครอบครองปรปักษ์ อยากจะขอเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกับอากู๋ ซัน และ อาย โดยตรงสักครั้งได้ไหม ซึ่งหลังจากส่งข้อความนั้นมา ทางซันและอายก็บอกให้ติดต่อผ่านทางทนายดีกว่า และก็จะนัดคุยกันที่สำนกงานทนายเดชา แต่ทราบว่าจนถึงตอนนี้คดีปรปักษ์ที่คุณศรีพรรณไปฟ้องไว้ ก็ยังไม่ได้มีการถอนออกไป
ล่าสุด ทนายวัฒนา ทนายของคู่กรณี โฟนอินเข้ามาพูดคุยว่า การจะดำเนินคดีอะไรกับใคร ถ้าทำไปตามขั้นตอนปกติ มันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเขาไปปรึกษาทนายเดชา แล้วสื่อมวลชนอะไรต่างๆ นานา มากันเต็มไปหมด ทำให้คดีนี้มาถึงมือตน เพราะคดีบุกรุกรอบแรก ตนไม่ได้ทำคดีนั้น
คุณศรีพรรณเขามาปรึกษาตนนานแล้ว ว่าอยากจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ ตั้งแต่ก่อนจะมีข้อพิพาท เขาบอกว่า ครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้ว คดีครอบครองปรปักษ์ เป็นคดีที่คนฟ้องกันทั่วไป ศาลไหนก็มีทั้งนั้น ทนายที่ไหนก็รับทำ แต่มีรายละเอียดอย่างไรก็ไปว่ากันในศาล ไม่ใช่มาสืบพยานนอกศาลผ่านสื่อกันแบบนี้ ส่วนตัวตนมองว่า ไม่ควรจะเริ่มจากการไปออกสื่อ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตแบบนี้ มันดูไม่เหมาะสม
บางคนมองว่าที่ไปฟ้องครอบครองปรปักษ์ เป็นการฟ้องบีบ ฟ้องแก้เกี้ยวหรือไม่ จริงๆ ไม่ใช่ คุณศรีพรรณเขาอยากจะฟ้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่พอมามีข้อพิพาท มีคดีอาญา ก็เลยทำให้เขาดำเนินการเร็วขึ้นเท่านั้นเอง
แต่ทางทนายกุ้งบอกว่า คดีฟ้องปรปักษ์ คุณศรีพรรณไปฟ้องเพื่อจะเอามาเป็นข้อต่อรองในการต่อรองค่าเสียหายในคดีอาญา เพราะเขามองว่าคดีอาญาค่าเสียหายมันสูงเกินกว่าที่เขาจะจ่ายได้ จึงไปฟ้องครอบครองปรปักษ์ เพื่อเอามาต่อรองให้ทางเราลดค่าเสียหาย
ขณะที่ทนายวัฒนา บอกว่า จะพูดแบบนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ แต่ไม่ใช่เหตุผลหลักในการยื่นฟ้อง ไปถามคุณศรีพรรณก็ได้ เขาตั้งใจจะฟ้องตั้งแต่แรกแล้ว เขาถือสิทธิ์เหล่านี้ตามกฎหมายอยู่แล้ว
คุณอาย ได้โต้แย้งกับทนายวัฒนาว่า การที่ไปกล่าวหาว่าพวกตนเป็นคนกดดัน จนทำให้คุณนุจบชีวิตตัวเองแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เรามีสิทธิ์ตามกฎหมายทุกอย่าง ทั้งการไปฟ้องอาญาบุกรุก ทั้งการไปร้องสื่อ มันเป็นสิทธิ์โดยชอบในฐานะเจ้าของบ้าน ผิดหรือถูกแบบไหน สังคมเขาก็เห็นอยู่แล้ว
แต่ทางทนายวัฒนาบอกว่า จะทำก็น่าจะไม่ใช้สื่อนำจนเกินสมควร ควรจะให้ความเคารพต่อศาลบ้าง ไม่ใช่ไปให้ข่าว หรือไปโพสต์ในสื่อส่วนตัวจนเกินสมควร
ส่วนที่มีคลิปเสียงออกมา เป็นบทสนทนาที่ คุณนุ โทรหาอากู๋ ขอโทษกับเหตุการณ์ทุกอย่าง และบอกว่าได้กราบเท้าทนายวัฒนา ขอร้องให้ถอดคดีฟ้องปรปักษ์ได้ไหม ไม่อยากฟ้องแล้ว ทนายวัฒนาบอกว่า ก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องถอดฟ้องจริง คุณนุเขาป่วย เขาบอกเขารับไม่ไหวแล้ว และบอกว่าเขาเองเป็นต้นเหตุทีทำให้ทุกคนต้องมาเดือดร้อน เขาก็ยกมือไหว้ขอโทษทั้งตน และขอโทษคุณศรีพรรณ ถามว่ากราบไหม ตนจำรายละเอียดไม่ได้
ส่วนเรื่องการไปถอนฟ้อง ตนก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่บอกว่าควรถอนในเวลาที่เหมาะสม คดีอยู่ที่ศาล ไปถอนวันไหนก็ไปได้ แต่ก็ควรถอนในเวลาที่เหมาะสม
ต่อมาอากู๋ โฟนอินเข้ามา บอกว่าได้คุยกับคุณนุก่อนเสียชีวิต ทางคุณนุ คุณพลกฤษณ์ เขาก็บอกว่าได้กราบขอให้ทนายวัฒนาไปถอนฟ้อง แต่ทางคุณวัฒนาไม่ยอมถอน อากู๋ยังบอกว่า หากจะให้แนะนำคู่กรณี วิธีการจบเรื่องนี้ง่ายๆ คือให้ปลดทนายความคนนี้ให้พ้นไปเสีย แล้วตั้งทนายใหม่ แล้วมาเจรจามาคุยกัน
ทนายวัฒนายังบอกว่า ตนก็พร้อมจะถอนฟ้อง พร้อมถอนตัว หากลูกความอยากจะให้เป็นอย่างไหนตนก็พร้อม ก็อยากให้ไปถามคุณศรีพรรณเอาเอง เพราะเขาเป็นคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง
ส่วนเรื่องทนายเดชาตั้งประเด็นว่า ตนเป็นคนยุยงส่งเสริมให้บุกรุกเข้าไปในบ้านหรือไม่ ทนายเป็นคนแนะนำให้คู่กรณีเข้าไปอยู่ในบ้านหรือไม่ ทางทนายวัฒนาก็บอกว่า ตนก็มีความเห็นทางกฎหมายแบบนี้ ก็แนะนำลูกความเราไป เขาจะเชื่อไม่เชื่อ ก็แล้วแต่ลูกความเรา ถามว่าตนผิดด้วยหรือ
สุดท้ายทางคุณเอ๋ พลกฤษณ์ สามีของคุณนุ ที่จบชีวิตตัวเอง โฟนอินเข้ามาพูดคุยในรายการ โดยทางคุณเอ๋ ถึงกับหลั่งน้ำตาระหว่างพูดคุย หลังเหตุการณ์สูญเสียภรรยา พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ว่า ตนกับคุณนุจะไปถอนคดีครอบครองปรปักษ์ ไม่เคยมีเจตนาจะครอบครองบ้านของอากู๋จริงๆ หลังจากนี้ถ้าทนายไม่ได้ไปถอน ตนก็อาจจะพาคุณศรีพรรณไปยื่นขอถอนฟ้องด้วยตัวเอง
คุณพลกฤษณ์ยังขอโทษซัน อาย และ อากู๋ กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความโง่เขลา ที่เชื่อคำแนะนำต่างๆ ไปฟ้องเพื่อจะมาต่อรองในส่วนคดีอาญา ไม่อยากจะสู้อะไรอีกแล้ว มันเหนื่อยมากจริงๆ และตอนนี้คุณนุก็ไม่อยู่แล้ว
ทางคุณซัน คุณอาย ก็ได้แสดงความเสียใจกับคุณพลกฤษณ์ และยังยืนยันความเป็นธรรมให้ทางคุณนุ และคุณพลกฤษณ์ ว่าทั้งสองคนมีเจตนาจะถอนฟ้องมาตลอด เขาแสดงเจตนาจะถอยมาตั้งแต่แรก ไม่อยากให้ไปต่อว่าคนที่เสียชีวิตอีกแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี