จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกาศห้ามเผาป่าเป็นวันแรก ตำรวจปทส.จับคนเผาป่าได้ 1 ราย ด้าน รองผวจ.กำชับให้ทุกหมู่บ้านสำรวจพฤติกรรมพรานป่า ในหมู่บ้านให้กดดัน อย่าให้มีการลอบเผาป่า
อย่างเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่า และผู้นำชุมชนทุกอำเภอ ให้จับตาคนมีอาชีพทำไม้ ล่าสัตว์ ในทุกหมู่บ้าน และต้องหาข้อมูลผู้ที่มีปืนแก๊ปในครองครอง ให้จับตาและประกบอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้เจ้าตัวรู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่จับตาอยู่ เพื่อที่จะไม่ให้มีการลอบเผาป่าจากการล่าสัตว์ เพราะส่วนใหญ่ไฟป่าเกิดจากคนในหมู่บ้านนั้น ๆ ที่ลอบเผาป่า
โดยเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.4 บก.ปทส.) ทำการตรวจยึด/จับกุม นายศุภชัย วิเชียรกระจ่าง อายุ 52 ปี ที่อยู่เลขที่ 4/1 หมู่ 3 ต.ท่าผาปุ้ม อ.แม่ลาน้อย จว.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหา (พบขณะเผาป่าอยู่ในป่าที่เกิดเหตุพร้อมของกลาง) 1.ไฟแชก สีแดง จำนวน 1 อัน (พบอยู่ในกระเป๋ากางขายาวข้างขวาของผู้ต้องหา)2.มีดพร้า จำนวน 1 ด้าม (ตรวจพบอยู่ในถุงสะพายย่ามของผู้ต้องหา) และ3.ตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย แปลง 2 ถูกบุกรุก เนื้อที่ประมาณ จำนวน 2 ไร่ 0 งาน 00 ตารางวา คิดค่าเสียหายในอัตราไร่ละ 68,245- บาท เป็นเงิน 136,490.00 บาทโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ฐาน - “ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีการปล่อยขบวนรณรงค์ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง และร่วมกิจกรรมการทำแนวกันไฟและเก็บใบไม้มาใช้ประโยชน์ บริเวณโดยรอบดอยกองมู รณรงค์ประชาสัมพันธ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างจิตสำนึกหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ตระหนักถึงโทษ ผิดภัยของไฟป่าและหมอกควัน ลดปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นละออง PM 2.5 อีกทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วม สร้างความตระหนักและกระตุ้นให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในการลดปริมาณเชื้อเพลิง โดยการนำเศษใบไม้มาใช้ประโยชน์ และวิธีการทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันและลดการเผาในพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพระเจ้าอยู่หัว
อนึ่ง ทางด้าน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมทดสอบระบบการแจ้งเผาในพื้นที่ ทั้ง 7 อำเภอ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว green hotspot หรือการชิงเผาซึ่งได้รับการอนุญาต ซึ่งจะเป็นการบริหารจัดการเชื้อเพลิงที่มีมาตรการควบคุมการกำจัดเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบ โดยนายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้รับมอบหมาจาก นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นประธานศูนย์ WARROOMจังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือ คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีมาตรการที่จะควบคุมการบริหารจัดการเชื้อเพลิงไฟป่าในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ศูนย์ WARROOMจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีการทดลองระบบการแจ้งเตือนการชิงเผาในพื้นที่ หรือที่เรียกว่า การบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว green hotspot ก่อนที่จะมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567
สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว green hotspot หรือการชิงเผาซึ่งได้รับการอนุญาต จะทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมการเผาในพื้นที่อย่างเป็นระบบ และมาตรการ green hotspot จะทำให้รู้ว่า จุดความร้อนที่เกิดขึ้นเกิดจากการลักลอบจุดไฟเผาป่า หรือการบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยจะมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ทางการเกษตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี