พลังรักของพ่อแม่! ลูกชายติดยาจนป่วยจิตหนีออกจากบ้าน 5 เดือน พ่อแม่ตามหาสุดท้ายพบเป็นคนเร่ร่อน-จำใครไม่ได้ ล่าสุดคืนสติ พ่อแม่พากลับบ้านจำได้ทุกคน แม่วอนนายกฯเร่งแก้ปัญหายานรก ชี้เด็กป.5-ป.6ติดยางอมแงม
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2567 ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี สติกลับมาแล้ว ลูกชายเสพยาหนักจนกลายเป็นคนเร่ร่อน หายจากบ้านนานกว่า 5 เดือนพ่อแม่ขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกตามหาเจอคุ้ยขยะในตัวเมืองห่างจากบ้านเกือบ 80 กม. พ่อแม่หัวใจสลายเรียกชื่อลูก เจอตอกกลับ ใครลูกมึงงง ขอร้องตร.ช่วยจับตัวส่งรพ.รักษาอาการ ล่าสุดวันนี้หนุ่มเสพยากลายเป็นคนเร่ร่อน สติสตังค์กลับคืนมาแล้ว พ่อแม่พากลับมาบ้านที่อ.บ้านดุงแล้ว นายหนึ่งคนบ้าชายเร่ร่อนเพราะยาสติกลับมาแล้ว เปิดใจ ผมจำพ่อแม่ได้แล้วครับ เรียกชื่อพ่อแม่และน้องชายจำได้ทุกคน พ่อและแม่สุดดีใจบอกเหมือนได้ชีวิตลูกชายใหม่กลับคืนมา ฝากถึงรัฐบาลจัดการยาเสพติดให้เด็ดขาด ป.5-ป.6 เสพยาเต็มทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีนายธนิต อายุ 42 ปี และน.ส.สุภาวรรณ อายุ 40 ปี ชาวบ้านโนนสีทอง หมู่ 7 ต.บ้านชัย อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ขี่รถจักรยานยนต์มาไกลจาก อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เข้ามาในตัวเมือง ระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร เพื่อตามหาลูกชาย ชื่อนายโชคชัย หรือหนึ่ง อายุ 23 ปี ที่หายออกจากบ้านกว่า 5 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 พ่อและแม่ประกาศตามหาลูกชายจากสื่อโซเซียล และออกตามหาไปทุกที่แค่ก็ไม่พบ สุดท้ายมีเพื่อนบ้านมาบอกว่า เจอนายหนึ่งเป็นคนเร่ร่อนในตัวเมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้ง พ่อและแม่ดั้นด้นขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านเกิดเข้ามาหาลูกชายในตัวเมือง สุดท้ายเจอโดยบังเอิญนอนขดอยู่ในวัดมัชฌิมาวาส พ่อแม่สุดดีใจได้เจอหน้าลูกชายแล้ว แต่ต้องใจสลายเมื่อไปเรียกชื่อลูกชาย ให้กลับบ้าน แต่ลูกชายตอบกลับว่า "บ้ะ สองผัวเมียเนี่ย ใครลูกมึงงง เจอคนบ้าที่ไหนจะมาเรียกว่าเป็นลูกได้ไง" พร้อมบอกว่าตนนั้นเวิน ไม่ได้ชื่อหนึ่ง
จากนั้นก็เดินหนีไปคุ้ยขยะ พ่อและแม่เดินตามขอให้ลูกกลับบ้าน แต่ลูกไม่ยอมไป แถมร้องตะโกนให้พ่อแม่หนีไป พร้อมบ่นและโวยวายว่า "เจอคนบ้าคนเก็บขยะจะมาเรียกว่าเป็นลูกไปทั่วไม่ได้" อย่างไรก็ตาม พ่อและแม่ดูแล้วว่าลูกชายคงสติไปหมดแล้ว คงกลับบ้านยาก จึงขอร้องเจ้าหน้าที่ตร.สายตรวจสภ.เมืองอุดรธานี เข้าไปพูดคุยกับนายหนึ่งให้ พอตร.สายตรวจมาถึง นายหนึ่งมีอาการตกใจ บอกกับตร.ว่า "พวกเจ้าเป็นตร.จะมารังแกประชาชนได้ไง" ตร.ก็บอกว่า จะพาไปโรงพักก่อน แต่นายหนึ่งไม่ยอมไป พยายามจะดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อให้หลุดจากเจ้าหน้าที่ และตะโกนว่า "จะมาว่าเป็นลูกได้อย่างไร กูไม่ใช่ลูกมึง ฮ่วย เห็นผีบ้าสกปรกกจะมาเรียกว่าเป็นลูก กูไม่ไปรักษา กูไม่ได้เป็นผีบ้า" สุดท้ายตำรวจอุ้มขึ้นรถสายตรวจอย่างทุลักทุเล เพื่อเอาตัวไปรักษาที่รพ.ศูนย์อุดรธานี
ล่าสุดอาการนายหนึ่งดีขึ้น สติกลับคืนมาแล้ว พ่อและแม่ได้พามายังบ้านเกิดที่บ้านโนนสีทอง ต.บ้านชัย โดย ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับสองสามีภรรยาที่ออกตามหาลูกชายนานกว่า 5 เดือน จนพบว่ากลายเป็นคนเร่ร่อน เมื่อไปถึงพบว่า บ้านอยู่ไกลจากหมู่บ้าน อยู่กลางทุ่งนา ก็พบกับนายธนิต อายุ 42 ปี และน.ส.สุภาวรรณ อายุ 40 ปี และนายหนึ่งลูกชายนั่งอยู่บันไดของบ้าน โดยนายหนึ่งมีอาการปกติ สติกลับคืนมาแล้ว ยกมือไหว้สวัสดีกับแขกที่มาเยือน ส่วนสีหน้าพ่อและแม่ดีใจ ยิ้มได้ รวมถึงน้องๆ อีก 2 คนก็ดีใจด้วยที่เห็นพี่ชายกลับมาบ้าน
ผู้สื่อข่าวได้ทดลองให้นายหนึ่งเรียกชื่อพ่อ แม่ และน้อง นายหนึ่งก็เรียกชื่อได้หมดทุกคน ชี้ไปที่น้องคนหนึ่งชื่อน็อต อีกคนชื่อนัท อีกคนชื่อมิล อยู่กรุงเทพฯ แม่ก็เลยชี้บนบ้านคนนั้นคือใคร นายหนึ่งก็บอกว่า นายเฒ่า แม่ก็ดีใจที่ลูกชายจำได้ทุกคน จากนั้นแม่ก็ตัดเล็บให้ลูกชายทั้งเล็บมือและเล็บเท้า โดยมีน้องสองคนเฝ้าดูพี่ชายด้วยความห่วงใย จากนั้นนายหนึ่งบอกว่า แม่ผมยาวอยากไปตัดผม โดยแม่จะพาเข้าไปตัดผมที่ร้านตัดผมในหมู่บ้าน
โดยก่อนไปตัดผม นายหนึ่งเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ตนไม่กลับบ้าน เพราะมียักษ์อยู่ที่ประตูในวัดมัชฌิมาวาส อยากให้ตนไปดูดร่าง ให้ดูดออกเหมือนทราย พูดไปก็ยิ้มไปเหมือนตนละเมอไปเอง ตอนที่เดินออกจากบ้าน ก็มีเหมือนคนมาตีที่ศีรษะ จากนั้นก็เบลอจำอะไรไม่ได้ ตอนนั่งอยู่ก็มีเหมือนคนพูดอยู่ข้างๆ ตอนนี้ดีใจที่ได้กลับมาบ้าน ตนจำได้ทั้งพ่อ แม่ และน้องๆ ทุกคน อย่างไรก้ตาม ตนจะไม่หนีออกจากบ้านอีกแล้ว
ทางด้าน น.ส.สุภาวรรณ แม่ของนายหนึ่ง บอกว่า วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอลูกชาย เหมือนได้ชีวิตลูกชายคนใหม่กลับบ้าน หลังจากหายไปนานกว่า 5 เดือน ตนไปตามหาลูกชาย ก็ไปพบว่าเป็นคนบ้าคนเร่ร่อนในเมืองอุดร จำพ่อแม่ไม่ได้ ก็เลยขอร้องให้ตร.ไปช่วยจับเอาตัวไปส่งโรงพยาบาลก่อน ตอนที่นอนอยู่โรงพยาบาลเขาหนีออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่วัดมัชฌิมาวาสเหมือนเดิม รปภ.ของโรงพยาบาลไปตามมาให้แล้วหมอฉีดยา พอเขาฟื้นขึ้นมา เรียกชื่อแม่ แม่ก็ดีใจสติลูกกลับคืนมาแล้ว ตอนนั้นน้ำตาไหล พอรับเขากลับมาถึงบ้านช่วงกลางคืนก็เข้านอน พร้อมนอนกอดน้องชายด้วย
อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปเมื่อวันที่ 20 ก.ย.2566 ลูกชายที่ติดยาเสพติดได้ไปรายงานตัวที่ศาลจ.อุดรธานี ก็บอกลูกให้ไปรายงานตัวนะลูก พ่อให้เงินติดตัวไป 200 บาท จากนั้นไม่เห็นลูกอีกเลย ตอนแรกเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่จับติดคุกหรือไม่ เพราะเขาหนีรายงานตัวมาครั้งสองครั้ง ใจหนึ่งก็คิดว่าเขาอาจจะกลับมาบ้านเอง เพราะลูกชายเคยหนีจากบ้านไปเป็นเดือนก็เคยกลับมาบ้านเอง อีกใจก็คิดว่าลูกชายจะไปหางานทำในตัวเมืองอุดร หรืออาจจะหนีไปทำงานกรุงเทพ หรือชลบุรี แต่นานๆ เข้าหลายเดือนลูกชายเงียบไม่กลับบ้าน หัวอกพ่อก็แม่ก็เป็นห่วงลูกชาย ประกาศตามหาทางโซเซียล เวลาไปขายไอศครีมก็สอบถามชาวบ้านก็ไม่มีใครพบเห็น ที่ห่วงเพราะเขาเป็นลูก ตนเองมีลูก 6 คน ตาย 2 คนเหลือ 4 คน นายหนึ่งเป็นลูกชายคนโต ก่อนที่จะติดยาเสพติด ลูกชายคนนี้ถือเป็นเสาหลักช่วยพ่อช่วยแม่ทำงานก็ว่าได้ ทำทุกอย่าง เขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อย พูดกับพ่อและแม่ไพเราะ แต่มาเสียคนเพราะยาเสพติด อยากฝากถึงนายกช่วยจัดการยาบ้าให้ที เอาหนีไปให้ไกลเยาวชน ตอนนี้เต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว ขนาดเด็กตัวเล็กๆ ป.5 ป.6 ติดยากันไปหมดแล้ว
"ความรู้สึกเมื่อวาน บอกตรงๆ ลูกจำแม่ไม่ได้ โดนลูกด่า แม่น้ำตาไหลทันที มองไปหาสามี สามีก็น้ำตาไหล แต่วันนี้ได้ลูกกลับคืนมาแล้ว ดีใจถึงที่สุด ลูกมีกี่คนก็รักทุกคน พ่อและแม่ตายแทนลูกได้ จะคอยดูแลเขาให้ดีและไม่อยากให้ไปยุ่งยาเสพติดอีก" น.ส.สุภาวรรณ ผู้เป็นแม่ กล่าว
---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี