"แบม ทะลุวัง"แจ้งสื่ออ้าง“ตะวัน-แฟรงค์” ใกล้เสียชีวิตหลังอดอาหารในคุกหลายสัปดาห์ เผยพรุ่งนี้“ส.ศิวรักษ์"ส่งตัวแทนนำทึมยื่นศาลขอให้หยุดฝากขัง

7 มี.ค. 67 เมื่อเวลา 16.43 น. ในเฟซบุ๊ก Yourmy Onlybambi ของ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม ทะลุวัง  ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับอาการของน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน ทะลุวัง และและนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ สองผู้ต้องหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 จากกรณีก่อกวนขบวนเสด็จฯ ซึ่งต่อมาทั้งคู่อดอาหารประท้วงขณะถูกคุมขังโดยระบุว่า ข่าวด่วน: ตะวันและแฟรงค์ใกล้เสียชีวิต ปัญญาชนและสื่อมวลชนเตรียมยื่นคำร้องคัดค้านการรับฝากขังและไม่ให้ประกันตัว

เรียนสำนักข่าวและผู้สื่อข่าวทุกท่าน

ในฐานะเพื่อนของนักกิจกรรมทางการเมือง "ตะวัน" และ "แฟรงค์" ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 เราขอแจ้งข่าวสำคัญเร่งด่วนมายังท่าน เนื่องจากตะวันและแฟรงค์ ซึ่งกำลังอดอาหารประท้วงอยู่ในเรือนจำมาหลายสัปดาห์ ตอนนี้อยู่ในสภาวะวิกฤตใกล้เสียชีวิตแล้ว จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด

ในวันพรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 คณะปัญญาชนและสื่อมวลชนอาวุโสชั้นนำของไทย อาทิ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์) อธึกกิต แสวงสุข (ใบตองแห้ง) สุชาติ สวัสดิ์ศรี (สิงห์ สนามหลวง) และ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะเดินทางไปยื่นคำแถลงต่อศาลอาญา เพื่อขอให้พิจารณาไม่รับฝากขังและคัดค้านการไม่ให้ปล่อยชั่วคราวตะวันและแฟรงค์ รวมถึงประชาชนผู้ต่อสู้ทางความคิดรายอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

กำหนดการมีดังนี้

10.00 น. ตัวแทนของ ส.ศิวรักษ์ และใบตองแห้ง จะยื่นคำแถลงต่อศาล

15.00 น. สุชาติ สวัสดิ์ศรี และดร.ชาญวิทย์ จะยื่นคำแถลงเพิ่มเติม

การยื่นคำร้องครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามของภาคประชาสังคมในการผลักดันให้เกิดการปล่อยตัวตะวันและแฟรงค์เป็นการด่วน เพื่อเยียวยาสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมจากการอดอาหารอย่างหนัก และเป็นการยืนยันสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน

ในฐานะสื่อมวลชน ท่านมีบทบาทสำคัญในการรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้สู่สายตาประชาชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบการทำงานของกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการทบทวนการใช้กฎหมายมาตรา 112 ที่เป็นชนวนของความขัดแย้งในสังคม

เราขอเชิญชวนให้ท่านมาร่วมยื่นคำร้องที่ศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็นกระบอกเสียงถ่ายทอดความจริงและความหวังไปสู่สาธารณชน อันจะนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาอย่างสันติวิธี

การตัดสินใจของศาลครั้งนี้จะส่งผลสะเทือนไปถึงอนาคตของขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า พวกเราในฐานะประชาชน จึงมีภารกิจสำคัญในการบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้ไว้ โดยปราศจากการบิดเบือนหรือปิดบัง

ด้วยความเคารพอย่างสูง