รำลึก 167 ปีกรรมกรหญิงสังเวย 119 ศพ 'เดือน มนพร' รมช.คมนาคม นำกลุ่มสตรีแสดงพลัง วันสตรีสากล 67 หนุนสร้างความเท่าเทียมด้านสิทธิ
วันที่ 8 มี.ค.67 ที่ศาลาประชาคมยงยุทธ ศาลากลางจังหวัดนคร ดร.เดือน-มนพร เจริญศรี รมช. คมนาคม และ ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย เป็นประธานการจัดงาน รวมพลังสตรีศรีนครพนม เทิดไท้องค์ราชันย์ เนื่องในวันสตรีสากล 67 และกิจกรรมการออม 50 ปีทุนชุมชน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อกระตุ้นส่งเสริมให้สังคม เห็นความสำคัญของบทบาท และสิทธิของสตรี เพื่อความเท่าเทียมของสังคม อีกทั้งเป็นการรำลึกถึงการต่อสู้ของกลุ่มสตรีเพื่อสิทธิ เสรีภาพของกลุ่มสตรี
ในการจัดงานแต่ละปีเป็นการแสดงพลังแห่งความสำเร็จของกลุ่มสตรีในพื้นที่จังหวัดนครพนมที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมสร้างงานสร้างอาชีพของกลุ่มสตรี เน้นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้าน เป็นการเพิ่มมูลค่าการผลิตสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้าน สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้
โดย ดร.เดือน-มนพร เจริญ รมช.คมนาคม ยังได้อ่านสาส์นนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับแนวทางนโยบายรัฐบาล ที่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมบทบาท สิทธิ เสรีภาพของสตรี รวมถึงการสนับสนุนออกกฏหมายรองรับสิทธิสตรี เพื่อความเท่าเทียม พร้อมชูนโยบายแนวทาง ที่จะสนับสนุนเปิดโอกาสให้สตรี มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น ไปจนสู่การพัฒนาระดับประเทศ ในการเข้ามาเป็นนักการเมือง อาสาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน
โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคเพื่อไทย นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม รวมทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง และตัวแทนพี่น้องกลุ่มสตรีจากทั้ง 12 อำเภอ ร่วมกิจกรรมแสดงพลัง และจัดนิทรรศการส่งเสริมอาชีพของกลุ่มสตรี
ทั้งนี้ วันสตรีสากล เกิดขึ้นจากกรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้า รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้พากันลุกฮือประท้วงให้นายจ้างเพิ่มค่าจ้าง และเรียกร้องสิทธิของพวกเธอ แต่สุดท้ายกลับมีผู้หญิงถึง 119 คนต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ โดยมีคนลอบวางเพลิงเผาโรงงานที่พวกเธอนั่งชุมนุมกันอยู่ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1857 หรือ พ.ศ.2400
จากนั้น 50 ปีต่อมาคือ ค.ศ. 1907 หรือ พ.ศ. 2450 กรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้าที่นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทนไม่ไหวต่อการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ทารุณ ของนายจ้าง ที่ใช้งานพวกเธอเยี่ยงทาส เนื่องจากกรรมกรหญิงเหล่านี้ ต้องทำงานหนักถึงวันละ 16-17 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด แถมไม่มีประกันการใช้แรงงานใด ๆ เป็นผลให้เกิดการเจ็บป่วยล้มตายตามมา แต่กลับได้รับค่าแรงเพียงน้อยนิด ที่สำคัญหากตั้งครรภ์ก็ถูกไล่ออก
จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้นางคลาร่า เซทคิน (CLARE ZETKIN) นักการเมืองสตรีสายสังคมนิยม ชาวเยอรมัน ตัดสินใจปลุกระดมเหล่ากรรมกรสตรีด้วยการนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1907 พร้อมกับเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานลงเหลือวันละ 8 ชั่วโมง อีกทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการทุกอย่าง และให้สตรีมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้การเรียกร้องครั้งนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากมีแรงงานหญิงหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ทำให้สตรีทั่วโลกสนับสนุนการกระทำของเธอ ถือเป็นการจุดประกายให้สตรีทั่วโลก เริ่มตระหนักถึงสิทธิของตัวเองมากขึ้น
ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1908 หรือ พ.ศ. 2451 มีแรงงานหญิงกว่า 15,000 คน ร่วมเดินขบวนทั่วนครนิวยอร์ก เรียกร้องให้ยุติการใช้แรงงานเด็ก โดยมีคำขวัญการรณรงค์ว่า "ขนมปังกับดอกกุหลาบ" ซึ่งหมายถึงการได้รับอาหารที่พอเพียงพร้อม ๆ กับคุณภาพชีวิตที่ดี
จนกระทั่งในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1910 หรือ พ.ศ. 2453 ความพยายามของกรรมกรสตรีกลุ่มนี้ก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีตัวแทนสตรีจาก 17 ประเทศ เข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ครั้งที่ 2 ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยในที่ประชุมได้ประกาศรับรองข้อเรียกร้องของบรรดากรรมกรสตรี ในระบบสาม 8 คือ ยอมให้ลดเวลาทำงานเหลือวันละ 8 ชั่วโมง ให้เวลาศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองอีก 8 ชั่วโมง และอีก 8 ชั่วโมงเป็นเวลาพักผ่อน พร้อมกันนี้ยังได้ปรับค่าแรงของแรงงานหญิงให้เท่าเทียมกับแรงงานชาย และยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็กอีกด้วย
ทั้งนี้ ยังได้รับรองข้อเสนอของนางคลาร่า เซทคิน ด้วยการกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี เป็นวันสตรีสากลดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี