สุดหดหู่ นร.หญิง ม.2 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอกันตัง ถูกเพื่อนรุ่นพี่รุมทำร้ายทั้งด่าแม่ กระชากผม ตบตี รองเท้าฟาดหัว ใช้เท้าถีบหน้าอีกสารพัด แถมบังคับให้กราบขอโทษจนบาดเจ็บหนักล้มฟุบไปกับพื้นปูน อย่างน่าหดหู่ แถมขณะก่อเหตุยังหัวเราะพูดคุยสนุกสนาน พร้อมถ่ายคลิปขู่ประจานห้ามบอกพ่อแม่ พร้อมแชร์ส่งต่อว่อนโลกโซเซียล ขณะที่แม่เด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อ หลั่งน้ำตาวอนสื่อช่วยลั่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุดโดยเหตุเกิดบริเวณท่าเรือนอกโรงเรียน
วันนี้ (8 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุธนิกา (สงวนนามสกุล) หรือ แม่ปราง อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไปและเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวชาว ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง ได้ประสานขอความช่วยเหลือกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ช่วยเป็นกระบอกเสียง หลังจากที่ลูกสาวคนโตในพี่น้อง 3 คน คือ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนระดับชั้น ม.2 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กันตัง ได้ถูกรุ่นพี่ เพื่อน โรงเรียนเดียวกันและบุคลภายนอกเพศหญิงรวม 5 คนรุมทำร้ายทั้งทุบตี เตะต่อย รองเท้าฟาด ถีบหน้า จนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเลือดไหล และช้ำหลายจุด เหตุเกิดที่สะพานปูน บริเวณท่าเทียบเรือกันตัง จ.ตรัง เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.วันที่ 4 มี.ค.67 ที่ผ่านมา
โดยทางผู้เป็นแม่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้กับ ร.ต.อ.ชวลิต กิ้มเฉี้ยง รอง สว.(สอบสวน) สภ.กันตังไว้แล้วเมื่อวันที่ 5 มี.ค.67 ที่ผ่านมาและเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการบันทึกคลิปวีดีโอที่ผู้เสียหายรายนี้ถูกทำร้ายนานกว่า 15 นาทีและบางส่วนได้มีการโพสต์เผยแพร่และส่งต่อกันในโลกออนไลน์ โดยเหตุการณ์เป็นการใส่ชุดพละและชุดนักเรียนของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง และชุดลำลอง มีการด่าแม่ของผู้เสียหาย และทำร้ายอย่างรุนแรง จนฟุบไปกับพื้นสะพานและบังคับให้ฝ่ายผู้เสียหายยกมือขอโทษจำนวน 3 ครั้ง โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้มีการตอบโต้ใดๆแม้แต่น้อย จนเจ้าตัวต้องร้องไห้ด้วยความเสียใจและเจ็บปวด และยังมีการส่งแชทมาข่มขู่อีกในภายหลัง
ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า สาเหตุเกิดจากหนูผิดใจกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อพี่พลอย อายุ 15 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน สาเหตุที่ผิดใจคือเรื่องในการพูดนินทา ล้อกันไปมา ไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ต่อมาได้พูดคุยเคลียร์กันในแชทแล้ว แต่เคลียร์กันไม่จบและได้นัดเคลียร์กันต่อที่ใต้ต้นไม้ในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าพลอยไม่มาเลยได้แต่คุยกับเพื่อนของเขา ทำให้เรื่องไม่จบอีก ทางเพื่อนจึงนัดไปคุยกันที่สะพานปูน ซึ่งอยู่ข้างนอกโรงเรียน โดยมีเพื่อนของตนชื่อหมวย อายุ 14 ปี เรียนชั้นเดียวกันกับหนู เป็นคนนัด โดยหลังจากเลิกเรียนตนได้ไปที่รถ จยย.ซึ่งใช้เดินทางไปมาระหว่างบ้านกับโรงเรียน ซึ่งจะโดยสารกันปกติ 3 คน ซึ่งเป็นนักเรียนอยู่ใกล้บ้านกัน เมื่อขับรถออกจากโรงเรียน ได้มีผู้หญิงชื่อเหมียว อายุ 18 ปี พร้อมกับผู้ชายอีก 1 คนโดยทั้งคู่เป็นเด็กนอกโรงเรียน ซึ่งรู้จักกับพลอย ได้ขับย้อนศรมาตามตนให้ไปเคลียร์ที่สะพานปูนด้านนอกโรงเรียน พร้อมกับบอกว่าจะไม่ทำอะไร ให้ไปคุยเฉยๆ ตนก็เลยไปพร้อมกับเพื่อนและน้องที่มารถคันเดียวกันทุกวัน
เมื่อไปถึงที่บริเวณสะพานปรากฏว่าพี่พลอย อายุ 15 ปี คู่กรณีโดยตรง เตย หมวย เหมย อายุ 14 ปี ซึ่งเรียนห้องเดียวกัน โบว์วี่ อายุ 14 ปี นักเรียนระดับชั้นเดียวกันอยู่คนละห้อง มีเหมียว อายุ 18 ปี คนนอกโรงเรียน และแฟนหนุ่มของหมวย รวมทั้งหมด 7 คน รออยู่ที่บริเวณสะพานแล้ว ตอนแรกไปถึงตนก็คุยกับพี่พลอยก่อน หลังจากนั้นก็คุยกับเพื่อน หลังจากนั้นก็มีพี่พลอย เตย หมวย เหมย เหมียว เข้ามารุมทำร้ายหนู และเอารองเท้าฟาดเข้าทีศีรษะ ส่วนผู้ชาย ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของหมวย นั่งเชียร์ ส่วนโบว์วี่เป็นคนบันทึกคลิปวีดีโอ ในระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านและชาวประมงเห็นเหตุการณ์ได้ตะโกนให้คู่กรณีหยุดการกระทำ แต่คู่กรณียังทำร้ายต่อ และก็หยุดไปเอง โดยที่หนูไม่ต่อสู้เลยไม่แต่นิดเดียว หากหนูไม่ขอโทษเขา เขาก็จะไม่หยุดทำร้าย หนูก็เลยขอโทษ และเขายังบังคับให้ยกมือไหว้ขอโทษ หนูก็ทำตามเพราะถูกบังคับ
ตอนนี้หรูยังเจ็บที่ศีรษะ ต้นคอ หลัง และยังมีอาการหน้ามืด มึนหัว อาเจียนมาหลายรอบ หลังจากเกิดเหตุก็ไปโรงเรียนได้แค่เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) แต่ไม่อยากไปสักเท่าไหร่ เพราะยังรู้สึกหวาดกลัวกับฝ่ายคู่กรณีที่อยู่โรงเรียนเดียวกันและห้องเดียวกันและทางคู่กรณีก็มาพูดแซะหลายคำพูด เช่น จะตายแล้วหรอ สั่งให้เพื่ออย่านั่งใกล้หนู เดี๋ยวหนูจะเจ็บเอา และด่าว่าหนูสำออย และยังท้าทายให้หนูไปแจ้งความและข่มขู่ไม่ให้บอกพ่อแม่ ถ้าบอกจะทำร้ายอีก ส่วนครูที่ปรึกษาทราบแล้ว แต่คุยกันหนูก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่
น.ส.สุธนิกา (สงวนนามสกุล) หรือแม่ปราง อายุ 33 ปี กล่าวทั้งน้ำตาในฐานะคนเป็นแม่ว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกมันบอกเป็นคำพูไม่ได้ ทำไม่ลูกแม่ต้องเจออะไรแบบนั้น มันโหดร้ายเกินไป รุมทำร้าย ลูกแม่ต้องถูกกระทำ เพื่อนยืนดูกันมากมาย แต่ไม่มีใครเข้าช่วยเหลือเลย เหตุการณ์เย็นวันเกิดเหตุหลังจากลูกกลับมาถึงบ้าน ลูกไม่ได้บอกอะไร จนกระทั่งผ่านมารุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง แม่สังเกตเห็นบาดแผลของลูก เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกจึงโผกอดแม่ทันทีและแน่นมาก พร้อมกับบอกตนคำพูดแรกคือ “ลูกเจ็บมาก” ก่อนจะบอกว่าถูกเพื่อนทำร้ายร่างกายมา ตนจึงรีบพาลูกไปพบแพทย์ที่ รพ.กันตัง ในทันที ต่อมาได้ถูกส่งตัวไปที่ รพ.ตรัง และลูกได้อธิบายเหตุการณ์ให้แพทย์และตนฟังว่า ถูกฝ่ายคู่กรณีสั่งห้ามไปบอกแม่ และครอบครัว ถ้าหากูกกลับมาบอกจะทำร้ายร่างกายอีก ทำให้ลูกเกิดความหวาดกลัว
ในตอนแรกหลังจากทราบว่าลูกถูกทำร้ายก็ ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปแจ้งความ แต่กลับมาเห็นอีกว่าฝ่ายคู่กรณีมีการบันทึกคลิปวีดีโอและเผยแพร่ไปในโซเซียลมีเดียด้วย และมีท่าทีสนุกสนาน หลังจากได้เห็นคลิปจึงรับไม่ได้จริงๆ ตัดสินใจไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.กันตังในทันที โดยทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้และเตรียมจะเรียกลูกสาว และฝ่ายคู่กรณีไปสอบปากคำ ซึ่งตนยืนยันว่าจะขอดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด หากมีใครเข้ามาขอไกล่เกลี่ยหรือยอมความตนก็ยืนยันว่าจะไม่ยอม จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดให้เป็นกรณีตัวอย่างว่าการกระทำกับคนอื่นแบบนี้มีความผิด และจะไปกระทำกับใครอีกไม่ได้ ถ้าหากในวันนั้น ลูกสาวไม่ขออ้อนวอน ขอชีวิตให้เขาหยุดการกระทำ ก็เป็นไปได้ที่ลูกแม่จะไม่มีชีวิตกลับมาหาแม่แล้ว และแม่จะอยู่กันยังไง ทั้งๆที่ตนไม่ได้ปกป้องช่วยเหลือลูกเลยในวันเกิดเหตุ อีกทั้งมีการผลักลูกเกือบตกจากสะพานอีก
หลังจากทราบเรื่องผ่านมากว่า 4 คืนแล้วแม่นอนไม่หลับ หลับไม่ลงเลย เพราะภาพจากในคลิปวีดีโอที่ลูกถูกทำร้ายมันติดอยู่ในดวงตาตลอด หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นทางคุณครูที่โรงเรียนเอกชน ที่ลูกศึกษาอยู่ก็โทรมาว่าจะคุย จะเคลียร์ให้ และจะเรียกผู้ปกครองทางฝ่ายคู่กรณีมาพบและแจ้งเรื่องให้ทราบ แต่เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 5 วัน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งความคืบหน้ามา อีกทั้งตนก็ไม่ได้รับการติดใดๆมาจากฝ่ายคู่กรณีเช่นกัน
แม่ปราง กล่าวต่อว่า ตนเป็นห่วงการใช้ชีวิตของลูกมาก หลังจากเกิดเหตุลูกก็ไปโรงเรียน เพราะใกล้จะเข้าสู่ในช่วงสอบแล้ว แต่เมื่อลูกกลับมาจากโรงเรียนก็มีอาการซึมอย่างเห็นได้ชัด และมีความรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียน หวาดกลัว และลูกก็มีความเครียดเพราะคลิปมีการไปเผยแพร่ในโซเซียล และมีเพื่อนๆมอง และพูดแซะ รู้สึกสงสารลูกเป็นอย่างมาก
"วันนี้อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงรับเลขคดีและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด พร้อมกับเรียกร้องให้ทางโรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบออกมาชี้แจง ในส่วนของการดูแลนักเรียน บทลงโทษกับคู่กรณี อีกทั้งจะมีมาตรการดูแลลูกสาวของแม่อย่างไรต่อไป เนื่องจากฝ่ายผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นนักเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ระดับชั้นเดียวกัน และจะดูแลเยียวยาสภาพจิตใจ และความปลอดภัยต่อไปของลูกแม่อย่างไรที่ยังต้องอยู่สถานที่เดียวกันอีก ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป" น.ส.สุธนิกา กล่าวทิ้งท้าย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี