ศาลอาญาอนุญาตฝากขังครั้งที่ 3 "ตะวัน-แฟรงค์"ป่วนขบวนเสด็จอีก 12 วัน ถึง 20 มีนาคมนี้ ระบุพนักงานสอบสวนยังมีเหตุจำเป็นสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม กำชับตำรวจให้สอบแล้วเสร็จในการฝากขังครั้งนี้ ขณะที่"ชาญวิทย์-สุชาติ"โผล่อ้อนศาลปล่อย"ตะวัน-แฟรงค์" แสดงวิถีประชาธิปไตยของหนุ่มสาว
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นครั้งที่ 3 เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม - 20 มีนาคมนี้ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม และอื่นๆ ขณะเดียวกัน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ด้วย (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทนายเดินหน้าขอศาลอาญาไต่สวนค้านฝากขัง‘ตะวัน-แฟรงค์’ ฉะตำรวจไร้มาตรฐาน)
อย่างไรก็ตาม ศาลได้ไต่สวนทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ยังมีเหตุจำเป็นพยานบุคคลต้องสอบเพิ่มเติมอีก 2 ปาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และยังต้องรอภาพถ่ายวิดีโอซึ่งเป็นพยานหลักฐาน เพื่อที่จะพิจารณาสั่งต่อไป ทั้งผู้ต้องหาทั้งสองมีสิทธิยื่นประกันตัวต่อศาลได้อีก โดยศาลกำชับให้พนักงานสอบสวน ให้เร่งรัดสอบปากคำให้แล้วเสร็จในการฝากขังครั้งนี้ ส่วนคำร้องคัดค้านให้ยก
ต่อมาเวลา 14.30 น.นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมือง กล่าวว่า ภายหลังตำรวจยื่นฝากขังและทนายคัดค้านแล้ว ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองคนในครั้งที่ 3 ต่อไป เนื่องจากว่ายังสอบปากคำไม่เสร็จ และศาลแจ้งว่าจะเร่งรัดการสอบสวนให้สอบสวนโดยไว รวมทั้งยังใช้สิทธิ์ประกันตัวได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้พ่อของ น.ส.ทานตะวัน จะยื่นหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้ประกัน ดังนั้น จะต้องปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งวันนี้มีการไต่สวนนายณัฐนนท์ หรือ แฟรงค์ ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วน น.ส.ทานตะวัน ไม่ได้มีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาจาก รพ.ธรรมศาสตร์ แต่อย่างใด
ด้าน นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อายุ 78 ปี นักเขียนชื่อดังและอดีตศิลปินแห่งชาติ ที่มายื่นคำแถลงต่อศาล กล่าวว่า มาศาลเพื่อจะให้ศาลเห็นว่า สิ่งที่คนหนุ่มสาวแสดงออกอยู่ในแนวทางสันติประชาชาธรรม การต่อสู้ของทั้งสองคนและอีกหลายคน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีและวิธีของประชาธิปไตย การต่อสู้ของตะวันและแฟรงค์ นั้นในความรู้สึกของคนรุ่นเก่า มีความห่วงใยลูกหลาน และสิ่งที่กระทำนั้นถูกต้อง แต่ทราบว่าศาลอนุญาตให้ฝากขังต่อ โดยจะเร่งรัดการสอบสวน ตอนนี้ตะวันและแฟรงค์อดอาหารมาแล้ว 23 วัน คิดว่าอีก 12 วันในฝากขังผัดที่ 3 ก็ขอภาวนาให้ไม่เกิดเหตุเศร้า หรือโศกนาฏกรรม ซึ่งเป็นสิ่งไม่สมควร ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอความเมตตาจากศาล และรู้สึกเสียใจมากที่ศาลให้ฝากขังครั้งที่สาม ตนเองและอาจารย์ชาญวิทย์ ไม่มีอะไรที่จะทำได้มากกว่านี้ คิดว่าเรื่องนี้ประชาชนที่มีใจเป็นธรรมที่อยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกันทุกคนน่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลย หมายความว่าไม่ควรฝากขังต่อ เพราะทั้งสองคนไม่หลบหนีไปไหน
เมื่อถามว่า อาจารย์สนับสนุนการกระทำของตะวัน และแฟรงค์ หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ทั้งตะวัน และแฟรงค์ เท่าที่ตนรับทราบจากข่าว เขามีปากเสียงกับตำรวจจาราจร ที่มีการบีบแตรเพราะจะรีบไปมีธุระ การพูดจาลักษณะที่มีอารมณ์กันบ้าง ไม่ใช่เรื่องจะไปขัดขวางขบวนเสด็จ หรือบีบแตรไล่ขบวนเสด็จ ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ส่วนการไต่สวนของตำรวจที่บอกว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จนั้นเพียง 2 ผลัด ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว และศาลน่าจะมีความเป็นธรรมและเข้าใจว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง หรือจะหลบหนี
"คิดว่าเขาคงไม่ทราบว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น หรือมีขบวนเสด็จ สิ่งที่เรารับทราบโดยทั่วไปก็คือว่ามีปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเอารถมาขวางกั้น เชื่อว่าคงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น" นายสุชาติ กล่าว
จากนั้น นายสุชาติ ได้อ่านคำแถลงว่า ตนเป็นอดีตนักศึกษาเก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เติบโตมาในสมัยของเผด็จการถนอม-ประภาส ตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้รับรู้และรับทราบรสชาติของการที่ประชาชนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้เผด็จการเป็นอย่างดี รู้รสชาติของสภาวะที่อำนาจตุลาการตกอยู่ภายใต้การสั่งการของเผด็จการ รู้รสชาติของการถูกถอดถอนตำแหน่งศิลปินแห่งชาติจากการมีความเห็นที่ไม่ตรงกับรัฐ เชื่อว่าเด็กทั้งสองคนในคดีนี้ ไม่ควรได้รับสิ่งที่เคยได้รับรู้รับทราบ ไม่สมควรต้องได้รับรู้รสชาติเช่นตอนที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ซึ่งเห็นว่าไม่เคยได้รับโอกาสในการโต้แย้งใดๆ เมื่อเวลาผ่านมาตนเติบโตมีปริทัศน์ขึ้น อยากให้เด็กได้รับโอกาสนั้น และได้รับโอกาสที่จะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เชื่อว่าเป็นหลักการทางกฎหมาย
ขอเรียนต่อศาลที่เคารพต่อไปว่า แม้จะรับรู้รสชาติของภาวะที่อำนาจตุลาการตกอยู่ภายในการสั่งการของเผด็จการ แต่เชื่อว่าตุลาการในยุคใหม่ไม่ใช่เช่นนั้น เชื่อมั่นว่าตุลาการเป็นอิสระได้ สุดท้ายนี้เชื่อว่าการไม่รับฝากขังและปล่อยตัวชั่วคราวเด็กกลับไปสู่พ่อแม่ของเขา จะไม่ทำให้ประเทศไทยในพุทธศักราช 2567 ล่มจมล่มสลายแต่ประการใด
จึงขอให้ท่านไม่รับฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองนี้ต่อไป และหากมีการรับฝากขังจองจำผู้ต้องหาทั้งสองนี้ไว้ ก็ขอให้ผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้พิจารณาปล่อยชั่วคราว พิจารณาให้ปล่อยชั่วคราวเยาวชนทั้งสองและเป็นหลักประกันความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายด้วย
ด้าน ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อายุ 83 ปี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แถลงเป็นเอกสารว่า เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาหลายยุคหลายสมัย เห็นความโหดร้ายในการปราบปรามประชาชนในการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเกิดขึ้นจากการที่มีผู้คนอ้างความเชื่อที่ถูกปลุกปั่นยุยงให้เข้าประหัตประหารเยาวชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้างขึ้นโดยมีเจตนารมณ์ว่าบ้านเมืองต้องมีกฎหมายเป็นหลักผู้คนต้องเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย อันเป็นเจตนารมณ์ของ นายปรีดี พนมยงค์ บรรพตุลาการและรัฐบุรุษของพวกเราทั้งหลาย เพื่อให้การปกครองบ้านเมืองนั้น ใช้การปกครองในระบบกฎหมายเท่านั้นโดยปราศจากอคติทั้งปวง เมื่อเด็กทั้งสองคนนี้ยังคงเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องใช้หลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ และต้องใช้หลักการความเป็นธรรมทางกฎหมายทั้งปวงที่มีอยู่ในมือ เพื่อใช้ดำรงหลักการและคุ้มครองบ้านเมืองให้สงบสุขต่อไป จึงขอให้พิจารณาไม่รับฝากขังเยาวชนทั้งสองตามคำขอของตำรวจและให้ปล่อยชั่วคราวไปตลอดเวลาในการพิจารณาคดีจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี