นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นัดแต่งดำ-ถือดอกทานตะวัน- ผูกริบบิ้นขาว พร้อมยืนหยุดขัง 1.12 ชั่วโมง ขอศาลอาญาไม่รับฝากขังครั้งที่ 4 “ตะวัน-แฟรงค์” 2 ผู้ต้องหาคดีมาตรา 116
เวลา 10.00 น.วันที่ 9 มีนาคม 67 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม 2 นักกิจกรรมทางการเมือง พร้อมมวลชนบางส่วน ร่วมทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการสวมใส่เสื้อดำถือดอกทานตะวัน ผูกริบบิ้นขาว ยื่นคำหนังสือต่อศาลอาญา เพื่อขอให้ศาลอาญาพิจารณามีคำสั่งไม่รับฝากขังครั้งที่ 4 น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 คดีป่วนรถขบวนเสด็จ ของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดงอีก เพราะไม่มีความจำเป็นและเป็นการคุมขังเกินความจำเป็นไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
นางพรเพ็ญ กล่าวว่า สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้ เพื่อขอให้ศาลทบทวนคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนฝากขังครั้งที่ 3 ผู้ต้องหาเป็นเวลาอีก 12 วัน โดยบทบาทของตุลาการสามารถเข้าแทรกแซงและอำนวยความยุติธรรมในคำสั่งได้ทันที เรามีความเชื่อมั่นว่าแม้กระทั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการเขียนระบุในคำร้องขอฝากขังว่า บุคคลทั้ง 2 ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีตามมาตรา116 โดยพนักงานสอบสวนอ้างว่า มีการแสดงเจตนาแสดงความผิด โดยเหตุดังกล่าวนี้เชื่อว่าศาลที่เป็นผู้พิพากษารับผิดชอบสำนวนและรับผิดชอบหน้าที่ในวันนี้ จะพิจารณาถึงความจำเป็นและเหตุผลทางกฎหมายรวมทั้งทางมนุษยธรรมว่า การปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขการประกันตัวเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ ที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีความหวังกับระบบตุลาการได้โดยเฉพาะในคดีนี้ และผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน เป็นเพียงเยาวชนที่ร่วมกันแสดงอารยะขัดขืนในการอดอาหารด้วยความสงบไม่สามารถทำร้ายใคร ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความรุนแรงในสังคมด้วยวิธีการใดๆ ดังนั้นเหตุและผลที่เราต้องการนำเสนอ คือ ข้อเท็จจริงกฎหมาย และมนุษยธรรม ซึ่งผู้พิพากษาเป็นนักกฎหมายด้วยกัน สามารถพิจารณาเนื้อหาสาระได้อย่างมีความเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบตุลาการต่อไป
ด้าน น.ส.อรวรรณ หรือแบม ระบุว่า ผู้หญิงในสังคมนี้เข้มแข็งและอดทนกันมาก พลังผู้หญิงสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมเป็นอย่างมาก ตนอยากจะพูดถึงเรื่องกระบวนการยุติธรรม อยากให้ทุกคนในประเทศนี้ได้รับความยุติธรรม สำหรับตะวันและแฟรงค์ที่ทำทุกวันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เป็นการทำเพื่อไม่อยากให้ใครมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เพราะกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวทำร้ายประชาชนและเยาวชนในประเทศนี้ เราควรจะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าเร็วหรือช้าจะต้องทำให้ได้ เพราะประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องสิทธิสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกอย่างมาก และประเทศไทยไม่สมควรที่จะได้เป็น คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเพราะทุกวันนี้ยังมีผู้ต้องขังและคนถูกดำเนินคดีเพิ่มขึ้นมากขึ้น และประชาชนที่ถูกติดปากมากขึ้นทุกวันทั้งที่เรามองเห็นและมองไม่เห็น
ทั้งนี้ตามกฎหมายให้ศาลพิจารณาตามสมควร ของการฝากขังเพื่อกลั่นกรอง ให้เกิดความยุติธรรม ไม่ใช่รับฝากขังทุกครั้ง เราจึงยอมให้อำนาจตำรวจในการตัดสินใจเอง และศาลไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นด้วยกับตำรวจทุกครั้ง และตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมอย่างบิดเบี้ยว ทุกคนสามารถเจอเรื่องแบบนี้ได้ทุกคดี
“ตนขอเป็นกำลังใจให้กับนักกิจกรรมที่เผชิญกับความยากลำบากในการอดอาหาร สุดท้ายกระบวนการยุติธรรมยังบิดเบี้ยว ทุกคนในสังคมบอกว่า ”แค่ให้น้องกินอาหารกินน้ำ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม“ แต่สำหรับพวกเขาเหล่านี้มองว่าหิวความยุติธรรมมากกว่า นอกจากนี้ตนขอย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง คือ ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม/ ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่าง / ประเทศไทยไม่ควรเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน และหลังจากนี้เราจะมีกิจกรรมยืนอยู่ขัง 1.12 ชั่วโมง
สำหรับการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มวลชนได้สวมใส่ชุดดำเปรียบเหมือนกันไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย และเป็นความหม่นหมองเศร้าโศกของประชาชน ส่วนดอกทานตะวันแสดงถึงพลังของตะวันและสิทธิสตรี ที่เป็นแสงสว่างของประเทศ โดยตะวันจะขึ้นทุกย่ำรุ่งและจะตกในทุกเย็น แต่จะขึ้นใหม่ทุกครั้งทุกเช้า เสมือนเป็นความหวังให้กับประชาชนในประเทศนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี