GISTDA เผยฝุ่น PM2.5 พุ่ง 17 จว.เหนือ-อีสาน สีแดง กระทบต่อสุขภาพ แม่ฮ่องสอนทะลุ 200ไมโครกรัม ขณะที่ เชียงใหม่ฝุ่นควันหนัก ขึ้นอันดับ 1 เมืองมลพิษสูงสุดในโลก จุดความร้อนยังปะทุหนัก ผวจ.เชียงใหม่เร่งรับมือ ขณะที่รพ.ขุนยวม คนป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มปีก่อน200%คาดยังป่วยพุ่ง
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” พบว่า 17 จังหวัดภาคเหนือ มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน 200.9 ไมโครกรัม ลำพูน 180.5 ไมโครกรัม เชียงใหม่ 174.6 ไมโครกรัม เชียงราย 163.5 ไมโครกรัม ลำปาง 151 ไมโครกรัม พะเยา 139.7 ไมโครกรัม น่าน 133.2 ไมโครกรัม แพร่ 127.7 ไมโครกรัม สุโขทัย 125.4 ไมโครกรัม ตาก 125.2 ไมโครกรัม อุตรดิตถ์ 100.5 ไมโครกรัม เลย 80.9 ไมโครกรัม พิษณุโลก 80.4 ไมโครกรัม กำแพงเพชร 78 ไมโครกรัม กาฬสินธุ์ 77 ไมโครกรัม อำนาจเจริญ 76.7 ไมโครกรัม และขอนแก่น 76.6 ไมโครกรัม
ส่วนเว็บไซต์ IQAir สังเกตการณ์คุณภาพอากาศของเมืองสำคัญทั่วโลก ได้อัปเดตการจัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด แบบเรียลไทม์ เมื่อเวลา 10.08 น.วันเดียวกัน พบว่า จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับที่ 1 ของโลก โดยวัดได้ 203 AQI US อยู่ในระดับสีม่วง มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง
ขณะที่สถานการณ์ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ใน จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเช้า พบว่าทั่วทั้งเมืองต้องจมอยู่ในกลุ่มควันจากไฟป่า ทัศนวิสัยในการมองเห็นตามท้องถนนลดลง ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานอยู่ในโซนสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในทุกอำเภอ สาเหตุมาจากกระแสลมที่อ่อนตัวและสภาพอากาศปิด
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 รายชั่วโมง ในเวลา 08.00 น.สูงสุดที่ อ.เชียงดาว 508 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนในตัวเมืองค่าสูงหลายจุดเช่นกัน ที่ชุมชนสวนดอก ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วัดได้ 256 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ด้านสถานการณ์ไฟป่ายังไม่คลี่คลาย แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะระดมกำลังเข้าดับไฟป่าอย่างเต็มที่ตลอดทั้งสัปดาห์ แต่จุดความร้อน หรือฮอตสปอต จากไฟป่ายังคงเกิดขึ้น โดยพบ 113 จุด กระจายอยู่ใน 18 จาก 25 อำเภอของ จ.เชียงใหม่
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงค่าฝุ่น P.M.2.5 ที่พุ่งสูง ว่าได้รับผลกระทบพร้อมกันใน 8 จังหวัดภาคเหนือ เป็นผลกระทบจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผา 8,000 จุด และมีลมจากทิศตะวันตกพัดนำฝุ่นควันเข้ามายังพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งค่าฝุ่นที่สูงที่สุดใน จ.เชียงใหม่ อยู่ที่ อำเภอซึ่งใกล้กับชายแดนด้านตะวันตก คือ อ.เวียงแหง อ.เชียงดาว อ.ไชยปราการ อ.กัลยาณิวัฒนา และ อ.ฝาง โดย อ.ฝาง แม้ไม่มีการเผาแม้แต่จุดเดียว แต่มีค่าฝุ่นเป็นอันดับที่ 1 ของ จ.เชียงใหม่
“เราไม่ปฏิเสธสถานการณ์ที่เข้ามา แต่ก็ยังควบคุมในสิ่งที่เราควบคุมได้ การเผาในพื้นที่เรามี แต่ต้องมีปฏิบัติการในการดับให้ได้ภายใน 1 วัน ทุกจุด ไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่นควัน ไม่มีค่าฝุ่นที่มาซ้ำเติมฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน บางช่วงเวลาฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้านลดลง ฝุ่นของเราก็จะลดลง คาดว่าสถานการณ์จะยังเป็นเช่นนี้ไปอีก 2-3 วัน” นายนิรัตน์ กล่าว
ด้านนายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่สั่งฝ่ายปกครองตั้งศูนย์อำนวยการส่วนแยกใน ต.ช้างเผือก ต.สุเทพ และต.แม่เหียะรวม 3 จุด ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดเวรคอยเฝ้าสังเกตการณ์ในจุดที่มองเห็นดอยสุเทพได้อย่างชัดเจนตลอดแนว หากพบกลุ่มควันปะทุขึ้นมา จะวิทยุแจ้งหน่วยดับไฟป่าที่อยู่บนดอยฯ เข้าดับไฟทันทีเพื่อป้องกันการลุกลาม นอกจากนี้ยังตั้งจุดตรวจและเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าในพื้นที่เสี่ยง รวม 13 จุดใน 13 หมู่บ้านรอบดอยสุเทพเพื่อเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเผาป่าจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงที่มีฝุ่นควันเกิดขึ้นในปลายเดือนเมษายนนี้
วันเดียวกัน นายประสูติ โสภานะ รอง ผอ.รพ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า ได้ส่งผลให้ รพ.ต้องรองรับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนกว่า 200% โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ทำให้ต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นออกซิเจนและยา โดยทาง รพ.ได้จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบาง ส่วนระดับตำบล ม รพ.สต.ที่จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นไว้บริการประชาชนแล้ว
สำหรับสถิติการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันพิษและไฟป่า ของ รพ.ขุนยวม มีดังนี้ ปี 2566 เดือนมกราคม ป่วย 951 ราย เดือนกุมภาพันธ์ ป่วย 855 ราย และเดือนมีนาคม ป่วย 457 ราย ปี 2567 เดือนมกราคม ป่วย 1,155 ราย เดือนกุมภาพันธ์ ป่วย 965 ราย เดือนมีนาคม (1-12 มีนาคม) ป่วย 511 ราย เมื่อเทียบจำนวนผู้ป่วยของปีก่อนกับปีนี้ (2567) พบว่ายอดผู้ป่วยเดือน มกราคม เพิ่มขึ้น 204% เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 110% และเดือนมีนาคม (1-12 มีนาคม) เพิ่มขึ้น 54%
ขณะที่นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน เป็นประธานประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่า จ.แม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2567 ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าทั้ง 7 อำเภอ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ที่ประชุมได้พิจารณาการรายงานผลการดำเนินงานตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-12 มีนาคม 2567 และงบประมาณในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า การวิเคราะห์สถานการณ์การเกิดจุดความร้อนของพื้นที่ในแต่ละรอบดาวเทียม พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และวางแผนเผชิญเหตุ จัดชุดปฏิบัติการ จัดวาง กำลังพลเพื่อเข้าระงับเหตุ โดยศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าอำเภอ ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ในห้วงเวลาต่อไป
ที่ จ.พะเยา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสภาพอากาศในพื้นที่ ว่ายังปกคลุมไปด้วยหมอกควันและฝุ่นพิษ จนมือครึ้มไปทั่งเมือง และยังคงมีไฟป่าเกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งผลการตรวจวัด PM2.5 ทั้ง 9 อำเภอใน จ.พะเยา ทะลุ 100 ไมโครกรัม ทุกพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยมีคำแนะนำให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากอนามัย หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี