DSI เรียก 2 ตำรวจ สภ.อรัญฯ ชุดทำ"คดีลุงเปี๊ยก"สอบปากคำในฐานะพยาน ไขความจริง หลังส่อเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ด้าน "ผอ.อังศุเกติ์"เตรียมเค้นความจริง ย้อนภาพขั้นตอนคุมตัว-สอบปาก
วันที่ 19 มีนาคม 2567 จากกรณีที่นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้ทำหน้าที่กำกับและตรวจสอบสำนวนคดีพิเศษที่ 9/2567 หรือคดีซ้อมทรมาน"ลุงเปี๊ยก" ภายใต้การรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดยนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาตัวผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์ที่ลุงเปี๊ยก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จ.สระบุรี บังคับให้รับสารภาพและนำชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสาร ภาพในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.บัวผัน ตันสุ หรือป้าบัวผัน ซึ่งท้ายสุดพบว่าผู้ก่อเหตุที่แท้จริงคือเยาวชน จำนวน 5 ราย ซึ่งการกระทำดังกล่าวของพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ ถือว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ. กองกิจการอำนวยความยุติธรรม(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้มีการตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ที่ได้มีการสอบปากคำลุงเปี๊ยกในคืนวันเกิดเหตุ รวมถึงดีเอสไอได้มีการหารือความคืบหน้าของคดีร่วมกับพนักงานอัยการจากการลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐาน พยานเอกสาร อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังได้เข้าสอบปากคำลุงเปี๊ยกที่สถานพยาบาลด้วยตัวเองภายใต้การอนุญาตของแพทย์ผู้ตรวจรักษา จึงได้รายละเอียดข้อมูลสำคัญที่จะนำไปประกอบการทำสำนวนคดีเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดมีมติร่วมกันในที่ประชุมออกหมายเรียกพยาน 2 นายตำรวจ สภ.อรัญประเทศ เข้าให้ปากคำในวันพุธที่ 20 มี.ค.นี้ ซึ่งมีบทบาทตั้งแต่การควบคุมตัวไปจนถึงขั้นตอนการสอบปากคำในคืนวันเกิดเหตุแน่นอน
นายอังศุเกติ์ เผยอีกว่า สำหรับประเด็นที่จะสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย คือ ในวันเกิดเหตุได้มีหลักการปฏิบัติในการควบคุมตัวผู้ต้องหาอย่างไร และกระบวน การสอบปากคำในคืนวันเกิดเหตุเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าหากทั้งคู่ให้การเป็นประโยชน์ หรือให้การพาดพิงไปถึงบุคคลใดเพิ่มเติม คณะพนักงานสอบสวนก็จะต้องเชิญบุคคลดังกล่าวมาให้ถ้อยคำในฐานะพยานเพื่อประกอบเข้าในสำนวนเช่นเดียวกัน หลังจากนั้น ดีเอสไอจะใช้ถ้อยคำให้การของทั้ง 2 ตำรวจ พิจารณาประกอบกับสำนวนการสอบสวนเดิมของ สภ.อรัญประเทศ ว่ามีความสอดคล้องกัน หรือขัดแย้งกันอย่างไร เพื่อที่จะใช้ขยายผลต่อไปว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญ ประเทศ กี่รายและเป็นใครบ้าง ที่จะเข้าข่ายมีความผิดตามพ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งนี้ การสอบปากคำในฐานะพยานครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงตัวเองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และเพื่อให้การทำสำนวนนี้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงที่รอบด้านและถูกต้อง
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า สำหรับนายตำรวจทั้งสองรายนี้ที่จะเข้าให้ถ้อยคำในฐานะพยาน ไม่ใช่บุคคลที่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน แต่เป็นคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สิ่งสำคัญ คือ ทั้งคู่ต้องให้การที่เป็นประโยชน์ และต้องพูดความจริงว่าในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดทำหน้าที่อะไรบ้าง โดยเฉพาะประเด็นการทรมานและการบังคับลุงเปี๊ยกให้รับสารภาพ ทั้งคู่มีส่วนรู้เห็นมากน้อยเพียงใด ส่วนในประเด็นอื่น ๆ ที่ดีเอสไอจะใช้ในการสอบปากคำ 2 นายตำรวจ ล้วนเป็นคำถามที่ได้รับการแนะนำอย่างดีจากอัยการ โดยในวันพุธที่ 20 มี.ค.นี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแล้วจะยังมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เข้าร่วมในกระบวนการสอบปากคำอีกด้วย
ซึ่งถ้าหากในอนาคตดีเอสไอจะออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่รายใดในฐานะผู้ต้องหาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา หรือจะสรุปสำนวนมีความเห็นทางคดีอย่างไร ก็จะต้องผ่านการกำหนดและรับทราบจากพนักงานอัยการในฐานะหัวหน้าคณะทำงานก่อน
รายงานข่าว ยังระบุอีกว่า กลุ่มพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประ เทศ ชุดจับกุมและสอบปากคำลุงเปี๊ยก จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อาทิ มาตรา 22 ไม่มีการบันทึกภาพและเสียงระหว่างควบคุมตัวผู้ต้องหา ไม่มีการรายงานต่อพนักงานอัยการ หรือนายอำเภอในท้องที่ให้รับทราบถึงการควบคุมตัวผู้ต้องหา หรือ มาตรา 5 การกระทำทรมานต่อร่างกายและจิตใจ หรือ มาตรา 6 การกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำที่ไร้มนุษย ธรรมโหดร้าย หรือข้อกฎหมายอื่น ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การจะแจ้งข้อหาเจ้าหน้าที่รายใดก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาพยานหลักฐานและยึดความเห็นของอัยการเป็นสำคัญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี