‘บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก’เข้ารายงานตัวสำนักนายกฯหลังถูกเด้ง ‘ต่อศักดิ์’ยันไม่เครียด รู้มานานแล้ว ลั่นโรงละครของเราเลิก เก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้าน ขณะที่‘สุรเชษฐ์’ยิ้มรับกลับบ้านเก่า บอกเคยอยู่มา 2 ปี ย้ำต่อจากนี้ความขัดแย้งในตำรวจต้องยุติ เริ่มกันใหม่ ปัดไม่ใช่‘เด็กบ้านจันทร์ส่องหล้า’ ยิ้มรับโดนแซวชีวิตที่สิบ-สิบเอ็ด ไม่รู้ได้กลับตร.หรือไม่ แล้วแต่นายกฯ
21 มีนาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 60 วัน
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.40 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางเข้ามาที่ สำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานตัวกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้ทางเข้าอีกอาคาร และเดินขึ้นบันไดชั้น 2 มาที่หน้าห้องปลัดสำนักนายกฯ โดยไม่ผ่านด้านหน้าที่มีสื่อมวลชนรออยู่ โดยได้ให้ตำรวจส่วนล่วงหน้ามาดู และขับรถเพื่อดึงดูดความสนใจ จากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในเวลา 09.55 เพื่อรายงานตัวเช่น ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่สังเกตได้ว่า ตาทั้งสองข้างแดงบวมไม่เท่ากัน ทั้ง 2 คน ใช้เวลารายงานตัวนานกว่า 50 นาที
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสาซึ่งตนทำอยู่แล้ว รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลการชุมนุมต่างๆ เนื่องจากเราเป็น ผบ.ตร.มา ซึ่งตนจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่
เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐา มอบนโยบายไม่ให้มีการแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราออกมาแล้ว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง ตนพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่งว่า เราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯจึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และตนเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง ตนรับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารตนก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อตนลุกมาแล้ว เรื่องของรักษาการ ผบ.ตร. ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อถามว่าหนังสือย้ายเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ใช้คำค่อนข้างรุนแรง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนยอมรับ ตนเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ มันเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ตนยอมรับสภาพ ตนรู้ ตนก็คาใจอยู่ ตนยังบอกกับ บิ๊กโจ๊ก ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน ตนพยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง
เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องมีการทำเอกสารชี้แจงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา สอบเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้ามีการเรียก ก็พร้อมที่จะยื่นเอกสาร ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แม้อายุราชการจะเหลือน้อยก็ตาม จะช้าหรือเร็ว อย่างไรก็ต้องลุก ถึงอย่างไรงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา
“วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเรา ก็เท่านั้น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อกเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าที่โดนเด้งครั้งนี้ เป็นเพราะเราจัดการเรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “ใช่” พร้อมยกนิ้วโป้งขึ้น
จากนั้นเวลา 09.56 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนคุ้นเคยกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รู้ห้องทั้งหมด เหมือนกลับบ้านเก่า เพราะเคยอยู่ที่นี่มา 2 ปีก่อนหน้านี้ การมาครั้งนี้ไม่กดดัน ทราบว่าเขาเตรียมห้องทำงานไว้ให้แล้ว มีงานอะไรเราก็ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลถึงตำแหน่งในอนาคตหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เราเป็นข้าราชการ ได้รับมอบหมายอะไรให้ทำ เราก็ต้องทำ และทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯกล่าวระหว่างการมอบนโยบายให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาว่า ไม่ให้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มองเช่นไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตนก็ทำให้เป็นเช่นนั้นอยู่ การพูดคุยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. นายกฯก็เน้นเรื่องความสามัคคีเป็นหลัก ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้นั้น ตนไม่กังวลใจอะไร เพราะทุกท่านทำหน้าที่ได้อย่างดี และกรรมการทุกคนเป็นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงคดีความต่างๆที่มีก่อนหน้านี้ เห็น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะส่งให้ ป.ป.ช. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการ ส่วนการรับทราบข้อกล่าวหากับ บก.น.2 นั้น ตนไม่สามารถไปรับได้ เพราะตนยังไม่ได้รับหมาย
เมื่อถามว่าจากนี้ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องยุติ ต้องไม่มีใครขัดแย้งกับใคร
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้ยุติความขัดแย้งที่มีก่อนหน้านี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องยุติ ต้องไม่มีความขัดแย้งในองค์กร ต้องเดินหน้าทำงานให้ประชาชน และตนไม่ห่วงงานที่ค้างอยู่ เชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ได้ ซึ่งรักษาการผบ.ตร.จะมีการมอบหมายงาน
เมื่อถามว่า เรื่องที่มีการฟ้องร้องระหว่างกันก่อนหน้านี้ จะยุติหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เดี๋ยว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คงนัดคุย มันต้องเริ่มกันใหม่ เพราะคดีความมีหลายส่วน ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอะไร
เมื่อถามว่ารู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สบายใจอยู่แล้ว และเมื่อคืนก็นอนหลับดีอยู่แล้ว การมาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เครียด เพราะเหมือนกลับมาบ้านเก่า และก่อนมาในวันนี้ได้ต่อสายกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นัดหมายจะมากันในเวลา 09.30 น.
เมื่อถามว่า กรณีเคยมาอยู่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาก่อน จะแนะนำอะไร พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร เพียงแต่เรียนว่าอยู่ห้องไหนอย่างไร ส่วนตนจะได้รับมอบหมายอะไรให้ทำนั้น ยังไม่ทราบ ต้องรอปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายก่อน
เมื่อถามอีกว่าการย้ายมาพร้อมกับ ผบ.ตร.แบบนี้ ทำให้อุ่นใจขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ปกติ ไม่มีอะไร ตนมาทำหน้าที่
ต่อมาเวลา 10.24 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังรายงานกับปลัดสำนักนายกฯ ถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ไปใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ที่ตนไป จ.เชียงใหม่ คือไปทำหน้าที่ รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ เพราะนายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น และการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาของนายกฯ เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนมองว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นสายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีสายไหน เป็นรอง ผบ.ตร. ตอนนี้เขาให้มาช่วยราชการที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ ก็มา
เมื่อถามว่า จากคำสั่งโยกย้ายที่ออกมา เหมือนมีการยอมรับว่า มีความแตกแยกเกิดขึ้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้นายกฯ ต้องการแก้ปัญหาให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน ทุกคนต้องทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด วันนี้ตนได้มารายงานตัวถือว่าขั้นตอนเรียบร้อย จากนี้จะไปดูห้องทำงาน และจะมาทำงานทุกวัน ซึ่งห้องตนอยู่ที่ตึกสำนักงาน ก.พ. ถนนพิษณุโลก โดยตนได้รับมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร การกระจายอำนาจ
เมื่อถามว่า มองความขัดแย้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้รุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องจบ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ก็คุยกันแล้ว ทุกอย่างต้องเรียบร้อย องค์กรต้องอยู่ และต้องแข็งแรง ทุกคนต้องทำงานให้ประชาชน ลูกน้องต้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
เมื่อถามย้ำว่า ได้กำชับลูกน้องสาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ห้ามมีความขัดแย้งหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ต้องมีการกำชับ เพราะคุยกันหมดแล้ว ไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่า โจ๊กชีวิตที่สิบ สิบเอ็ดมาแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พยักหน้าทวนคำผู้สื่อข่าวว่า มาอีกแล้ว มาแล้ว และยิ้ม พร้อมกล่าวอีกว่าไม่มีอะไรหรอก ทำหน้าที่ปกติ เขาให้โอกาสทำงานก็มาทำงาน
เมื่อถามย้ำว่า รอบนี้จะ Never die หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ ได้รับการมอบหมายให้ไปทำงานที่ไหนก็ต้องไป เราต้องมีวินัย โดยต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความมั่นใจ ศรัทธา คลายทุกข์เขาให้ได้
เมื่อถามว่า ทำไมสีหน้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังยิ้มแย้มแตกต่างจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ดูเครียด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ก็ไม่ได้เครียด อันนี้ก็กลับบ้าน และตนไม่รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อน รู้พร้อมกับทุกคน เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่นี่และมาตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมด ต้องเข้าใจว่านายกฯใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้การทำงานเรียบร้อย นายกฯเป็นประธาน ก.ตร.ก็มีหน้าที่ในการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้เลย อยู่ที่นายกฯ เขาให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น สบายใจ ทุกที่มีงานให้ทำหมด เขาให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ารายงานตัวที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ เสร็จสิ้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมด้วย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินข้ามจากฝั่งทำเนียบรัฐบาลเพื่อไปดูห้องทำงานที่ชั้น 4 ภายในห้องศูนย์ประสานงานจิตอาสาภาครัฐ ที่สำนักงาน ก.พ.เดิม ถนนพิษณุโลก
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวติดตลกว่า “นี่เรายิ่งกว่าดาราอีกนะ วันนี้มาดูห้องทำงาน จะเข้ามานั่งทำงาน”
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า จะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เลยหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนติดราชการ 3 วัน ต้องดูภารกิจอื่นก่อน
จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินตามมาสมทบ เพื่อเข้าไปพูดคุย โดยระบุว่าจะไปพูดถึงภารกิจอื่นที่ยังค้างอยู่ จากนั้นได้ไปดูห้องทำงานซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ของสำนักงาน ก.พ.เดิม ////-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี