คลังย้ำ10เม.ย.มีข่าวดี
แจกเงินดิจิทัล1หมื่น
คนไทยได้รับแน่นอน
ฝ่ายค้านซัดไม่พร้อม
ฝ่ายค้านฉะโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น “ศิริกัญญา” ก้าวไกลซัดแรง รัฐบาล ขายผ้าเอาหน้ารอดเปลี่ยนแหล่งที่มาเงิน 5 รอบ ปูด 3 แหล่งที่มาเงินดิจิทัล “ฐากร” แนะรัฐถกแบงก์พาณิชย์หางบ-นำเงินค้ำประกันประมูลคลื่นความถี่จากกสทช.ที่เหลือเกือบ2แสนล้าน แจกเงินดิจิทัล1หมื่นให้ปชช.ขณะที่’จุลพันธ์’ยืนยัน10เม.ย.นี้มีข่าวดี ให้คนไทยทุกคนแน่นอน แขวะ’ศิริกัญญา’คาดเดาเงินดิจิทัลวอลเล็ต ผิดจะหน้าแตก รอ10เม.ย.แถลง ทุกอย่างชัดเจน ยืนยันนโยบายนี้ ตรวจสอบเข้มข้น
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะจำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอโดยได้มีการนำร่องในเรื่องโครงการแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาทด้วยนั้น
โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงกลางที่ประชุมสภาครั้งแรกว่า“เมื่อมีการลงรายละเอียดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ผมจะมาตอบให้หายสงสัย แต่ยืนยัน 10 เม.ย.นี้ มีข่าวดี ให้คนไทยทุกคนแน่นอน”
จากนั้นนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทยได้อภิปรายช่วงหนึ่ง แนะนำรัฐบาลในการหา“งบ”เพื่อแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาทว่าพรรคไทยสร้างไทยอยากข้อเสนอแนะรัฐบาล ให้รัฐบาลใช้เงินของรัฐในอนาคตข้างหน้าที่กำหนดการใช้จ่ายเงินไว้ชัดเจนแล้วและหน่วยงานนั้นกำหนดกฎหมายให้นำเงินดังกล่าวส่งเป็นรายได้ของรัฐเช่นกสทช.หรือสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งมีเงินที่เกิดจากการประมูลคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่จัดส่งนำเงินเป็นเงินรายได้ของรัฐโดยผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่จะต้องทยอยการจ่ายเงินให้กับกสทช.แบ่งจ่ายออกเป็นงวดๆให้กับรัฐ
โดยผู้ชนะการประมูลจะต้องนำหนังสือเงินค้ำประกันมาวางไว้ กับกสทช.เป็นจำนวนเท่ากับวงเงินที่ชนะการประมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมด ขณะนี้เหลือ 2 แสนล้านบาท ซึ่งวงเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินของรัฐ ไม่ใช่เงินของกสทช.เพราะกสทช.ต้องส่งให้กระทรวงการคลัง รัฐบาสามารถนำหนังสือค้ำประกันที่เหลือในอนาคตไปขอขึ้นเงินกับ ธนาคารก่อนได้แต่ต้องเจรจา การดำเนินงานเช่นนี้ไม่ได้เป็นการกู้เงิน เนื่องจากการแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท มีความเห็นของหลายหน่วยงานออกมาแสดงไม่เห็นด้วย พ.ร.บ. เงินกู้ดิจิทัลวอลเล็ตเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ถ้าทำเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท รัฐบาลเดินหน้าต่อไปไม่ได้
“เพราะรัฐบาลได้ประกาศเป็นนโยบาย ผมถึงได้แนะนำช่องทางหางบประมาณ แจกเงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาท และยังมีอีกหลายหน่วยงานของรัฐดำเนินการเช่นเดียวกันถ้าใช้วีธีนี้อาจจะได้เงินครบ 5 แสนล้านบาทแจกเงินดิจิทัลให้กับประชาชนที่ได้ประกาศไว้ ถ้าเงินยังไม่ครบขอเสนอใช้งบประมาณเหลือจ่ายหรือเปลี่ยนแปลงงานโครงการไม่ทันในปี 2567เพิ่มเติมก็ได้”นายฐากร กล่าว
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายช่วงหนึ่งถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต1หมื่นบาทว่า มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการมา 5 รอบแล้ว โดยเฉพาะเรื่องแหล่งที่มา งบประมาณ ดูแล้ว ที่มางบประมาณโครงการรอบนี้ น่าจะมาจาก 3 แหล่ง คือ 1.งบกลางปี 2567 ใช้วิธีการออกพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรืองบกลางปี โดยกู้ชดเชยขาดดุลจนเต็มเพดานอีก 100,000 แสนล้านบาท และอาจโอนเปลี่ยนแปลงงบกลางอีก 40,000 ล้านบาท 2.แบ่งงบรายจ่ายปี 2568 เพิ่มอีก 150,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการนี้ 3.กู้งบ ธกส. 210,000 ล้านบาท แต่อาจต้องตีลังกาตีความว่า จะปล่อยกู้เพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินดิจิทัลให้เกษตรกรหรือครัวเรือนของเกษตรกรได้หรือไม่ ก็ไม่รู้จะเดาผิดหรือไม่
ตอนนี้รัฐบาลเลือดเข้าตา จากเดิมเคยพายเรือในอ่าง ตอนนี้กำลัง จะออกทะเลไปไกล เงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะนำมาใช้ ก็มาจากการกู้อยู่ดี แต่เป็นการกู้ที่อาจทำให้ถูกกฎหมายได้ ส่วนแอพลิเคชั่น ที่ระบุใช้แอพเป๋าตัง ทราบว่าธนาคารกรุงไทย จะไม่ทำให้ อาจต้องมีแอพฯของตัวเอง โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปศึกษา ต้องเริ่มใหม่ ตั้งแต่ต้น ไม่รู้ระบบจะเสร็จสิ้นทัน ไตรมาส 4 ปีนี้หรือไม่
“ถ้าไม่เสร็จ ก็เลื่อนออกไปอีก ทำให้ชวนคิด รัฐบาลมีประสบการณ์บริหารประเทศมาก่อนจริงหรือไม่ การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด แสดงให้เห็นว่าไม่มีการเตรียมความพร้อม ตั้งแต่เริ่มต้น ขายผ้าเอาหน้ารอดไปแต่ละวัน หากเป็นไปไม่ได้ จะเกิดความเสียหาย โมเมนตัม หรือพายุหมุนทางเศรษฐกิจ จะไม่เกิดขึ้น เกิดความไม่เชื่อมั่นของประชาชนเกิดขึ้น”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ลุกชี้แจงอีกครั้งว่า ยินดีน้อมรับข้อติติงข้อเสนอแนะข้อแนะนำ แต่สิ่งที่รัฐบาลได้ทำอยู่เป็นสิ่งที่กำลังดำเนินการและเดินหน้าแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นเด็กเข้าสอบจะตัดเกรดตั้งแต่วันที่ 2 วันที่ 3 เป็นไปไม่ได้ ต้องรอให้จบภาคการศึกษาก่อนซึ่งการจบภาคการศึกษาของรัฐบาลก็ครบ 3ปี แต่การตรวจสอบการทำงานเป็นระยะอย่างนี้พวกตนยินดีเพราะเป็นประโยชน์ เชื่อว่าเมื่อครบวาระของรัฐบาลชุดนี้ แล้วมาตัดเกรดกันอีกที่ก็หวังว่าจะได้เกรดเอ จะได้เอาการบ้านไปส่งผู้ปกครองคือพี่น้องประชาชน รมช.คลังชี้แจงว่าส่วนที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามเรื่องดิจิตอลวอลเล็ตว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงจริงในหลายมิติ ทั้งเรื่องจำนวนคนเข้าสู่โครงการ เรื่องกลไกลรายละเอียด รวมถึงแหล่งเงิน ซึ่งการเปลี่ยนทุกครั้งไม่ใช่สิ่งที่พวกตนอยากเปลี่ยน แต่เราต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงตามข้อแนะนำ ข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่ทำให้กลไกลสามารถเดินหน้าและเป็นประโยชน์ได้แต่เราไม่ได้เปลี่ยน5-6ครั้ง หลายครั้งที่ท่านนำเสนอต่อสภาฯ บางอย่างก็เป็นสิ่ง เป็นผู้คาดเดา แต่ไม่ได้มีการออกมาจากคณะกรรมการ ไม่ได้มีการออกจากนายกฯหรือตน ทำให้สับสนบ้าง แต่ทุกคนก็เป็นห่วง
“ขอขอบคุณในกำลังใจที่อยากให้โครงการเติมเงิน 1หมื่นบาทผ่านดิจิตอลวอลเล็ตเดินหน้าได้ ผมก็หวังเช่นเดียวกันแต่อยากให้ลดการคาดเดาลง เพราะอีกเพียงแค่ไม่กี่วันก็ถึง10เม.ย.แต่วันนี้ยังพูดไม่ได้เพราะกลไกลทางกฎหมายจำเป็นจะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ ผมมาพูดวันนี้ก็เท่ากับผมชี้นำ โดยที่ไม่ถูกขั้นตอน ดังนั้นขอให้รออีกไม่นาน ไม่อยากให้คาดเดาไปต่างๆนานา ผิดมาก็มีหน้าแตกอีก ขอให้รอมติให้ชัดเจนแล้วมาแถลงทุกอย่างจะสมบูรณ์ ยืนยันว่านโยบายนี้ตรวจสอบเข้มข้น แม้ยังไม่ได้แจกเงินให้ประชาชน ”นายจุลพันธ์ ย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี