จิรเสกข์ วัฒนมงคล
สภากทม.เสนอเพิ่มศักยภาพเรียนภาษาต่างประเทศในรร.กทม. เพิ่มโอกาสพัฒนาคนสู่พัฒนาเมืองในอนาคต / สร้างความเชื่อมั่นให้เด็กมาเรียนรร.กทม.
นายจิรเสกข์ วัฒนมงคล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตธนบุรี เปิดเผยภายหลังการประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยประชุมสามัญ สมัยแรก ครั้งที่ 6 ประจำปีพุทธศักราช 2567ว่า ตนได้เสนอญัตติขอให้กรุงเทพมหานครพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรภาษาต่างประเทศในโรงเรียนสังกัดกทม. ตามที่ กทม.ได้มีโครงการโรงเรียนสองภาษาในปีการศึกษา 2566 มีโรงเรียนสังกัดกทม. เข้าร่วม จำนวน 88 โรงเรียน ในพื้นที่ 42 เขต แบ่งเป็นหลักสูตรไทย-อังกฤษ 74 โรงเรียน และหลักสูตรไทย-จีน 14 โรงเรียน เป็นการพัฒนาทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ให้เป็นไปตามระดับมาตรฐานสากล โดยหลักสูตรไทย-จีน เริ่มจัดการเรียนการสอนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้น และไม่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องที่จะนำความรู้ไปใช้ในอนาคตได้อย่างเพียงพอจึงเห็นควรพิจารณาจัดให้มีการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลตามความพร้อมของแต่ละโรงเรียน รวมถึงพิจารณาเพิ่มหลักสูตรในภาษาต่างประเทศอื่นๆ ด้วย เพื่อให้การเรียนภาษาต่างประเทศของนักเรียนมีความต่อเนื่องสามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำไปใช้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ในชีวิตจริง
“คนคือศูนย์กลางแห่งการพัฒนา และการพัฒนาเมืองต้องเริ่มจากการพัฒนาคนก่อนหากคนไม่ดีจะทำให้เมืองเสื่อมเสียไปด้วย ปัจจุบันพบว่าหลายโรงเรียนสังกัดกทม. มีสภาพภายนอกสวยงาม แต่มีนักเรียนจำนวนน้อยมากเนื่องจากประชาชนไม่สนใจส่งบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนสังกัดกทม. ทั้งๆ ที่สามารถเรียนได้ฟรี แต่ประชาชนยังนิยมเสียเงินเพื่อส่งเด็กๆ ไปเรียนโรงเรียนเอกชน เพราะเชื่อมั่นในการเรียนการสอน ประกอบกับการเรียนการสอนแบบสองภาษาของกทม. จะเริ่มจากระดับป.4-6ซึ่งมีผลการวิจัยที่บอกว่าการเรียนรู้ของเด็กให้เริ่มในช่วง 4 ปีแรกของชีวิต การเรียนภาษาที่สองที่สาม มีบทบาทสำคัญต่อประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะการเรียนภาษาจีนซึ่งต่อไปจะมีความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจ เป็นการเพิ่มโอกาสให้เด็กนักเรียนกทม.ได้มีความรู้ในระดับสากลมากขึ้นจึงขอให้ กทม.ได้ให้โอกาสกับเด็กโรงเรียนสังกัดกทม.และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองต่อไป” นายจิรเสกข์ กล่าว
ศานนท์ หวังสร้างบุญ
ด้านนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงประเด็นโรงเรียนสองภาษา ว่า ปัจจุบันโรงเรียนกทม. มีการสอนภาษาจีนในระดับชั้นประถม 1-6 จำนวน 14 แห่ง โดยระดับเด็กเล็กจะมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนาด้านสมอง และร่างกาย และจะเน้นเรื่องของภาษาในช่วงระดับชั้นป.1 ซึ่งเมื่อจบป.6 แล้วเราก็มาดูกันว่าจะทำอย่างไรต่อ และพบว่าทั้ง 14 แห่ง มีโรงเรียนขยายโอกาสถึงม.3 อยู่ด้วย3 แห่ง ซึ่งกำลังจะขยายผลต่อยอดเรื่องภาษาให้ถึง ม.3 ทั้ง 3 แห่ง สำหรับเรื่องของโรงเรียนขนาดเล็ก กทม.ได้ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพบว่าโรงเรียนที่มีเด็กไม่ถึง 100 คน มีจำนวน 49 แห่งซึ่งการวิเคราะห์พบว่าการควบรวมโรงเรียนต้องคิดให้รอบด้าน จากข้อมูลกองทุนเสมอภาคทางการศึกษาปัจจุบันมีเด็กที่ตกหล่นจากระบบการศึกษาในช่วงอายุ 3-18 ปี กว่า 1.3 แสนคน ที่ไม่มีโรงเรียน เราจึงต้องพิจารณาการเข้าถึงโรงเรียนด้วย ในส่วนการยกระดับคุณภาพการศึกษาคือการยกระดับทุกโรงเรียนไปด้วยกัน จึงไม่สามารถเลือกทำด้านใดด้านหนึ่งได้ หัวใจคือการลดเวลาชั่วโมงเรียน เพิ่มชั่วโมงวิชาการลงมือทำ เพื่อให้เด็กได้คิดวิเคราะห์มากขึ้น จึงจะมีการปรับหลักสูตรการเรียนให้นักเรียนมีทักษะที่ดีขึ้น รวมถึงการดูแลเรื่องบ้านพักครู บุคลากรของโรงเรียนให้มีคุณภาพ ทั้งนี้ขอบคุณทุกฝ่ายที่เห็นความสำคัญของการศึกษา และร่วมกันดูแล ยกระดับการศึกษากทม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี