จับ123เมียนมา

ลักลอบเข้าไทย

จ่าย1.5-3หมื่น

แลกหางานทำ

ตำรวจกาญจนบุรีบุกจับแรงงานเถื่อนชาวเมียนมา 123 คนแยกเป็นชาย 94คน หญิง29คน ถูกทิ้งไว้ในบ้านร้าง ส่วนหัวโจกขบวนการไหวตัวหลบหนีไปได้ จ่ายค่าหัวรายละ1.5หมื่น-3หมื่นบาท แลกมาหางานทำ

เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 4เมษายน2567 พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.บรรจง อัมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตัวชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนานรอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งพลเมืองดีว่า พบกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านร้าง ท้องที่หมู่4 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คาดว่าน่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย

ต่อมา พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร่วมกับนายฑรัท เหลืองสะอาด ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี นายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.วศิน พลายศิริ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.พิเชษฐชัย จันทร์พรม รอง ผกก ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.มารุต ฉัตรทัณฑ์ สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ต.สุนันท์ เรืองเที่ยง สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ.พินิจ สืบดี รอง สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ กอ.รมน จังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)กาญจนบุรี สนธิกำลังเดินทางไปตรวจสอบ หลังไปถึงพบบ้านร้างหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวหลังขนาดเล็กมีหลังคายื่นออกมาลักษณะคล้ายกับทำเป็นโรงจอดรถ ส่วนบริเวณริมรั้วที่เป็นเสาลวดหนามมีสแลนสีดำปิดทับเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่พบกลุ่มแรงงานทั้งชายหญิงนั่งอยู่เต็มพื้นที่ จึงเข้าจับกุมตัวเอาไว้ นับรวมกันได้ จำนวน 123 คน เป็นชาย 94 คน หญิง 29 คน แต่เนื่องจากกลุ่มแรงงานมีเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงนำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาเคลื่อนย้ายกลุ่มแรงงานทั้งหมดไปสอบปากคำ ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบรถแวนยี่ห้ออีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีขาว รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง รถยนต์เก๋งยี่ห้อเกีย สีน้ำเงิน และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รวม 4 คัน จอดอยู่ภายในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ส่วนคนขับได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง และจะขยายผลหาตัวเจ้าของรถยนต์ทั้ง 4 คัน ในภายหลัง

เบื้องต้นกลุ่มแรงงานที่ถูกจับกุมให้การว่าพวกตนลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนด้านอำเภอสังขละบุรี แล้วเดินลัดเลาะหลบด่านตรวจด้านความมั่นคงน้ำเกิ๊ก และมีคนนำพานำรถยนต์มารับไปลงเรือที่ท่าน้ำหลังวัดวังก์วิเวการาม หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จากนั้นคนขับเรือพาล่องไปตามอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณในช่วงเวลากลางคืนแล้วไปขึ้นฝั่งที่บ้านท่าแพ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ หลังจากขึ้นฝั่งได้มีคนขับรถยนต์มารับอีกทอดหนึ่ง แล้วนำพามามาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านร้างหลังดังกล่าว ซึ่งแรงงานทั้งหมดต้องการเดินทางไปทำงานพื้นที่จังหวัดชั้นในรวมทั้งพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย โดยจะจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นชาวเมียนมาด้วยกันคนละ 15,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ระหว่างรอคนขับรถยนต์มาถึงก็มาถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนคนขับรถยนต์คาดว่าคงเห็นเจ้าหน้าที่เสียก่อนจึงทิ้งกลุ่มแรงงานเอาไว้แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี ได้นำตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไปคุมขังเอาไว้ที่ห้องควบคุมของ ตม.จากนั้นจะผลักดันแรงงานทั้งหมดกลับสู่ประเทศต้นทางต่อไป