ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอห้วยกระเจา เรียกร้องมูลนิธิสืบฯลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ก่อนคัดค้านสร้างอุโมงค์ผันน้ำผ่าป่าเขตสลักพระ กาญจนบุรี แก้ปัญหาภัยแล้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีกรมชลประทานประกาศเชิญชวนประชาชนชาวกาญจนบุรีเข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 1 งานจ้างสำรวจออกแบบโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่าวันที่ 23-26 เม.ย.2567 รวม 6 เวที
โดยเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้จัดเวทีประชุมย่อยงานจ้าง สำรวจ ออกแบบ ครั้งที่ 1 เวทีที่ 1 ขึ้นที่หอประชุม ที่ว่าการอำเภอศรีสวัสดิ์ ต.ด่านแม่แลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี โดยนายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ มอบหมายให้นายวิวรรธน์ กิจเจริญ ปลัดอำเภอศรีสวัสดิ์ รักษาราชการแทนนายอำเภอศรีสวัสดิ์ เป็นประธานที่ประชุม มีนายชลเมธ มงคลศิลป์ วิศวกรโครงการงานจ้าง สำรวจ ออกแบบโครงการฯผู้แทนกิจการร่วมค้า PFWFT JV เป็นผู้กล่าวรายงานพร้อมนำเสนอข้อมูลโครงการ วัตถุประสงค์ลักษณะและรายละเอียดโครงการ แนวคิดการออกแบบ เกณฑ์ในการออกแบบ และรูปแบบการพัฒนา และนายประยุทธ เจริญกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด อภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
โดยในวันดังกล่าวมีผู้ชานองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นรวมทั้งผู้นำท้องที่และชาวบ้านจำนวนหนึ่งเข้าร่วม ซึ่งการแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ไม่คัดค้านโครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรีแต่อย่างใด แต่ทุกคนเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งรัฐบาลให้คำนึงถึงประชาชนชาวอำเภอศรีสวัสดิ์ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนรวมทั้งน้ำที่ใช้ภาคการเกษตร เนื่องจากอำเภอศรีสวัสดิ์ เป็นพื้นที่น้ำต้นทุนที่นำไปหล่อเลี้ยงจังหวัดที่อยู่ตามเส้นทางแม่น้ำแม่กลองรวมทั้งนำไปผลิตน้ำประปาให้ชาว กทม. ได้ใช้อย่างสะดวกสบาย แต่ชาวอำเภอศรีสวัสดิ์กลับต้องได้รับความเดือดร้อนทั้งๆ ที่เป็นผู้เสียสละโดยแท้จริง โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาวอำเภอศรีสวัสดิ์ ได้แต่มองดูน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ แต่ไม่มีปัญญาที่จะนำน้ำดังกล่าวมาใช้ได้เปรียบเสมือนกับหมากำลังนั่งมองเครื่องบินชาวบ้านกล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (24 เม.ย.67) กรมชลประทานได้จัดเวทีประชุมย่อยงานจ้าง สำรวจ ออกแบบ ครั้งที่ 1 เวทีที่ 2 ขึ้นที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี มีนางสาวเบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอห้วยกระเจา เป็นประธานมีนายชลเมธ มงคลศิลป์ วิศวกรโครงการฯนายกรกช เหล่านุญชัย วิศวกรโยธา กรมชลประทาน ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานจ้างสำรวจ ออกแบบโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ฟรอนเทียร์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแทนท์ส จำกัด บริษัท วิศวชาญ 2002 จำกัด บริษัท ฟลัดเวย์ จำกัด และบริษัท ธูว์ บราเดอร์ พาทเนอร์ จำกัด โครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นคู่สัญญากับกรมชลทาน โดยกำหนดงานสำรวจออกแบบให้แล้วเสร็จภายใน 720 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2566 ถึงวันที่ 4 ก.ย.2568
โดยนายพัชรพล สืบดา กำนันตำบลห้วยกระเจา ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยกระเจา 1 ในผู้เข่าร่วมประชุมได้กล่าวถึงข้อกังวลในที่ประชุม 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรกคือข้อห่วงใยเรื่องการที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรออกมาคัดค้านการก่อสร้างโครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วนี้ เพราะเกรงว่าหากมีการคัดค้านจะทำให้โครงการดังกล่าวที่ชาวบ้านรอคอยกันมาอย่างยาวนานจะเนิ่นช้าออกไป
ประเด็นที่สองข้อกังวลเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดินของประชาชนที่อยู่บริเวณระบบส่งน้ำไปยังพื้นที่รับประโยชน์ที่มีเขตลำคลองมากถึง 40 เมตร ความยาวตลอดคลอง ประมาณ 94.2 กิโลเมตร เพราะชาวบ้านที่มีที่ดินที่จะต้องถูกเวนคืนบางรายมีที่ดินไม่กี่ไร่อยู่กินกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายและถือว่าเป็นที่มรดกตกทอดกันมา บางรายเป็นที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เช่นใบ ภบท.5 เป็นต้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งรัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านเหล่านี้ด้วยการจ่ายค่าเวนคืนในราคาที่เทียมกัน
จากประเด็นดังกล่าวนายชลเมธ มงคลศิลป์ วิศวกรโครงการฯไม่ได้ตอบคำถามข้อห่วงใยในประเด็นที่ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรออกมาคัดค้าน เพราะหน่วยงานที่จะตอบคำถามนี้ได้คือกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.เจ้าของโครงการเป็นผู้ตอบคำถาม แต่ก็ได้ตอบข้อซักเกี่ยวกับข้อกังวลการเวนคืนที่ดินให้รับทราบขั้นตอนจนผู้ที่เข้าร่วมประชุมเข้าใจ จนกระทั่งเวลา 12.00 น.จึงปิดการประชุม
ทั้งนี้ นายพัชรพล สืบดา กำนันตำบลห้วยกระเจา ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยกระเจา กล่าวว่า สำหรับโครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี ตนมองว่าเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะเขตอำเภอห้วยกระเจา และอำเภอเลาขวัญ เป็นเขตเงาฝนที่มีความแห้งแล้งซ้ำซากจนได้รับการขนานนามว่าอีสานตะวันตก หากโครงการนี้สำเร็จจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรได้อย่างมหาศาล
และวิธีการขุดเจาะอุโมงค์ผ่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระนั้นมันเจาะลึกลงใต้ผิวดินมากถึง 500 เมตร ดังนั้น จึงอยากจะขอวิงวอนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกลุ่มคัดค้นขอให้ดูข้อเท็จจริงว่ามันเดือดร้อนอย่างไรขนาดไหน เพราะส่วนตัวแล้วตนมองแบบชาวบ้าน การขุดเจาะใต้ดินมากถึง 500 เมตรมันไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไรมากมาย อย่างมากก็ได้ยินแค่เสียงระเบิดที่ทำให้ดินสะเทือนเท่านั้น ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาแต่มันไม่ได้ไปฆ่าสัตว์ที่ไหน และมันไม่เหมือนกับการตัดถนนผ่านป่า อย่างเช่นป่าเขาใหญ่เขายังตัดถนนผ่านป่าได้เลย
ดังนั้น ส่วนตัวอยากให้กลุ่มที่กำลังคัดค้านขอให้ดูที่ข้อเท็จจริงและยิ่งปัจจุบันนี้เขตอำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ และอำเภอบ่อพลอย กำลังประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนักแล้งขนาดเรียกได้เลยว่าแผ่นดินจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ซึ่งถ้าโครงการนี้สำเร็จจะช่วยชาวบ้านได้อย่างมหาศาล ขณะนี้เรื่องการทำนาทำไร่ไม่ต้องไปพูดถึงเฉพาะน้ำที่จะใช้ในการอุปโภคบริโภคยังไม่มีเลย แหล่งน้ำบางแห่งก็แห้งขอดไปหมดแล้ว
"สุดท้ายนี้อยากจะฝากไปถึงมูลนิธิสืบนาคะเสถียรว่า อยากให้ท่านลงมาดูพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอเลาขวัญ เพราะว่าบางทีท่านอยู่ตรงโน้นจึงไม่เข้าใจในบริบทพื้นที่ตรงนี้ แต่การที่พวกผมอยู่ตรงนี้จึงเข้าใจในบริบทเป็นอย่างดี ซึ่งการหวงแหนทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าเราเข้าใจเป็นอย่างดี ซึ่งหากทางมูลนิธิฯต้องการให้พวกเราชาวบ้านไปช่วยอีกทางหนึ่งเราก็พร้อมที่จะไปช่วย แต่ว่าหากท่านมาคัดค้านไม่ให้ทำโครงการอุโมงค์ผันน้ำฯ ชาวบ้านทั้ง 5 อำเภอก็จะเสียผลประโยชน์กันหมด และที่ผ่านมาเขาก็จะอยู่กันแบบยากลำบากอยู่แล้ว ดังนั้น จึงอยากให้ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรช่วยลงมาพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่สักครั้งก็ยังดี ลองมาคุยกันดูว่าเหตุผลของชาวบ้านกับของทางมูลนิสืบฯ เป็นเป็นอย่างไร แต่ถ้าทางมูลนิธิสืบฯ ไม่มาพบปะพูดคุยกับชาวบ้านให้เข้าใจ วันหน้าผมกับชาวบ้านจะขอไปพบท่านเอง เพราะจะได้เอาเหตุผลของแต่ละฝ่ายมาชี้แจงให้ได้เข้าใจกัน" กำนันตำบลห้วยกระเจา กล่าว และว่า
แต่อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.รวมทั้งรัฐบาล ที่ช่วยผลักดันโครงการนี้ขึ้นมา แต่ติดอยู่ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรว่าจะคัดค้านไปถึงขนาดไหนและหากโครงการสำเร็จชาวบ้านทั้ง 5 อำเภอจังหวัดกาญจนบุรี จะลืมตาอ้าปากได้ทางมูลนิธิฯก็จะได้บุญกุศลไปด้วย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี