คืบหน้าไฟไหม้โกดังสารเคมีเถื่อนในอ.ภาชี ล่าสุดควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่ยังมีกลุ่มควันสีขาวส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งในระยะ 300 เมตร พบสารเคมีหลายชนิดเข้มข้นกัดพื้นผิวรองเท้าเสื้อผ้าขาดได้เลย ทำให้จนท.ทำงานกับพื้นยากลำบาก ด้าน สธ.สั่งตั้งศูนย์เฉพาะกิจบัญชาการชั่วคราวหน้ารพ.ภาชี ขณะเดียวสภาพอากาศเริ่มส่งผลกระทบระคายเคืองผิวหนัง-แสบตา เตรียมตรวจสอบสุขภาพกลุ่มเสี่ยง
2 พ.ค.2567 ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีของกลาง พื้นที่หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเนื่องจากอยู่ใกล้หมู่บ้านและชุมชน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปิดชั่วคราว‘รพ.ภาชี’ ตั้งโรงพยาบาลสนาม หลังไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว หลังใช้เวลา 10 ชั่วโมงในการฉีดน้ำ และโฟม แต่ยังคงมีกลุ่มควันสีขาวคละคลุ้งอยู่ภายในโกดังเล็กน้อยและก็ยังส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100 เมตร โดยนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประสานไปยังกรมชลประทานเพื่อขอเปิดการระบายน้ำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยานำรถสูบส่งระยะไกล เข้าสูบน้ำและนำรถกระเช้าดับเพลิงสูง 90 เมตร เข้ามายิงน้ำระดับสูงเพื่อฉีดด้านบน ลงมาสู่พื้นผิวด้านล่างตรงจุดที่ไฟไหม้บริเวณโกดัง 4-5 เนื่องจากด้านในโกดัง มีสารเคมีหลายชนิดและมีสารกัดกร่อนชนิดเข้มข้น สามารถกัดพื้นผิวรองเท้าเสื้อผ้าขาดได้ทำให้เจ้าหน้าที่ทางภาคพื้นล่างเข้าทำงานได้ยากลำบาก
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 กล่าวว่า เพลิงไหม้สารเคมีในพื้นที่ขณะนี้ยังคงมีการส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100-300 เมตร และทิศทางลมที่พัดพาไป ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับโรงพยาบาลภาชีตั้งศูนย์เฉพาะกิจ ให้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราว ที่หน้าโรงพยาบาลภาชี และในส่วนของโรงพยาบาลภาชีได้มีการปิดทำการชั่วคราวส่วนผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาล มีคนไข้ทั้งหมด 35 ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้จำหน่ายกลับบ้านทั้งหมด 17 รายส่วนอีก 18 รายได้เคลื่อนย้ายส่งรักษาต่อสามโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รอบรอบเราได้มีจัดตั้งโรงบาลสนามไว้ที่วัดโคกม่วงอำเภอภาชีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนควันหรือมลพิษที่เกิดขึ้นในสภาพอากาศนั้น เราได้ประสานทางกรมควบคุมมลพิษนำรถเข้ามาตรวจสภาพอากาศ ซึ่งเบื้องต้น ในสภาพอากาศถือว่ายังไม่เป็นอันตรายมาก แต่ในบริเวณโรงงานจุดที่เพลิงไหม้หมายถึงว่ามีค่ามลพิษที่สูงมาก
ด้านนพ.ปรีชา เปรมปรี สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 4 กล่าวว่า หลังจากโกดังสารเคมีถูกไฟไหม้ก็มีมลพิษในอากาศ จึงได้มีการนำรถตรวจสภาพอากาศเคลื่อนที่มาจัดตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลภาชีเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าบริเวณใดมีค่าอากาศมลพิษสูงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผลกระทบก็จะมีต่อทางเดินหายใจระคายเคืองผิวหนัง และแสบตา วิธีการป้องกันอันดับแรกจะต้องนำตัวเองออกจากพื้นที่ที่อันตรายและป้องกันโดยการใส่แมสก์ แต่ก็ถือว่าช่วยได้น้อย ซึ่งยังไม่มีการได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็จะได้ส่งทีมงานลงไปยังพื้นที่ ตรวจสอบว่ามีใครได้รับผลกระทบหรือไม่โดยเฉพาะเด็กและคนแก่ และกลุ่มผู้ป่วย เรื้อรัง เพื่อตรวจสุขภาพ ซึ่งบางรายอาจจะต้องมีการเจาะเลือดเพื่อติดตามผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโกดัง ทั้ง 5 โกดังใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโกดังที่ถูกทิ้งร้างมาหลายปี เจ้าของแบ่งเป็น 2 เจ้าของ ปี 2565 มีการติดต่อขอซื้อโกดัง แต่ไม่สามารถซื้อได้จึงมีการใช้วิธีการเช่าแทน มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบุคคล และบริษัท หลังจากการมีการพบว่าภายในโกดังมีการลักลอบนำสารเคมี มาเก็บเอาไว้ กรมโรงงานแจ้งความเอาผิด กับบริษัทเอกอุทัย ทั้้งตัวนิติบุคคล และกรรมการ เมื่อปี 2565-2566 ตามพยานหลักฐานที่พบภายในโกดัง ทั้งรถบรรทุกที่จอดอยู่ ถังเก็บสารเคมี ทีมีการระบุว่าเป็นของบริษัทเอกอุทัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.รวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี ตาม พรบ.วัตถุอันตราย ต่อคนเกี่ยวข้องกับการเช่า และบริษัทเอกอุทัยได้มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้วโดยให้การปฏิเสธ ทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหา แต่ให้การปฏิเสธ
ต่อมาที่โกดังเกิดเพลิงไหม้ หลังเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุพบ พยานหลักฐานหลายชิ้นมีการตั้งเวลาระเบิดเพลิง เพื่อให้เกิดเพลิงไหม้โกดังทั้งหมด แต่เกิดระเบิดเพียงโกดังเดียว และมีเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้รวดเร็ว จึงเชื่อว่ามีความพยามที่จะเผาทำลายหลักฐาน
สำหรับโทษ ครอบครองวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3ปรับไม่เกิน 100,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถือว่าโทษทั้งจำทั้งปรับเป็นข้อหาที่เล็กน้อยมาก แต่หากศาลมีการพิพากษาว่ากระทำความผิดจะต้องรับผิดชอบในเรื่องของการขนย้ายสารเคมีและการทำลายซึ่งจะต้องต้องใช้เงินจำนวนมากจึงเลือกที่จะใช้วิธีการเผาทำลายของกลางทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี