3 พฤษภาคม 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.เทพพิทักษ์ นิมิตร ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ได้สั่งการให้ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์  ผบ.ชค.กรม.ทพ.12 ฉก.ร.12 (ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่12) จัดกำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 1204 ออกทำการลาดตระเวนเข้มป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่มักจะใช้ช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนพื้นที่ ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมเป็นเส้นทางลักลอบเข้าไทย

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่กำชับให้กองกำลังป้องกันชายแดนทั่วประเทศ วางมาตรการคุมเข้มป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะหลังหมดเทศกาลสงกรานต์อาจทำให้มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาเพื่อหางานทำในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

ต่อมา จนท.ชุดลาดตระเวนได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 6 คน เป็นชาย 3คน หญิง 1 คน และผู้ติดตามเป็น ดช. 1 คน และ ดญ. 1 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระเดินเท้า ลักลอบข้ามรั้วตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติจากฝั่งกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย บริเวณระหว่าง จุดตรวจ จต.อ.60-จต.อ.61 บ้านผ่านศึก เขต 1 หมู่ที่ 3 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เดินเท้าลัดเลาะเส้นทางการเกษตร มุ่งหน้าเข้าหมู่บ้านผ่านศึกฯ จนท.จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวไว้ได้พบว่าทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทย จึงควบคุมตัวมาซักถามที่ กองร้อยทหารพรานที่ 1204 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

จากการซักถามเบื้องต้นชาวกัมพูชารับว่า หนีความยากจนจากความแห้งแล้งที่บ้านเกิดในกัมพูชา ลักลอบเข้าไทยเพื่อจะไปทำงานรับจ้างที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากได้ติดตามข่าวสารในกัมพูชาทราบว่า ค่าแรงขั้นต่ำของประเทศไทยกำลังจะได้ปรับขึ้นเป็นวันละ 400 บาท จึงอยากมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวจึงชักชวนกันลักลอบเข้าไทยเพื่อมาทำงาน

จากนั้น จนท.จึงควบคุมตัวชาวกัมพูชาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ดำเนินคดีต่อไป