“ความเห็นไม่ตรงกัน..การพนันจึงเกิดขึ้น” เป็นคำพูดเชิงตลกขบขันว่าด้วยสังคมไทยที่อะไรๆ ก็สามารถหยิบยกถึงมาเล่นการพนันเดิมพันทรัพย์สินกันได้ อีกทั้งกิตติศัพท์ความเป็นนักพนันของชนชาติไทยก็ขึ้นชื่อมาตั้งแต่โบราณ อาทิ บันทึกของ ลาลูแบร์ ทูตฝรั่งเศสที่เข้ามาเยือนอาณาจักรอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า “ชาวสยามรักเล่นการพนันเสียเหลือเกิน จนกระทั่งฉิบหายขายตนเองหรือไม่ก็ลูกเมียให้เป็นทาส” สะท้อนอุปนิสัยของชาวไทย (หรือสยาม) ในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี
และแม้ในเวลาต่อมา รัฐไทยสมัยใหม่ (นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) จะยกเลิกการอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอันเป็นหนึ่งในรายได้สำคัญของรัฐมาตลอดผ่านกลไก “นายอากรบ่อนเบี้ย” โดยทยอยลดจำนวนบ่อนลงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเชื่อมโยงกับนโยบายเลิกระบบทาส กระทั่งบ่อนทั้งหมดถูกยกเลิกได้อย่างสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 6 รวมถึงภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐบาลก็ได้มีการออก พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาบังคับใช้
แต่ในทางปฏิบัติจวบจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีว่าบ่อนการพนันยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย ข่าวการบุกทลายบ่อนใหญ่บ้างเล็กบ้างมักมาพร้อมกับข้อสังเกตว่าบ่อนเหล่านี้เปิดและดำรงอยู่มาเป็นเวลานานพอสมควรได้อย่างไรทั้งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งก็หนีไม่พ้นข้อครหาเรื่อง “ส่วย”ที่คนทำบ่อนจ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ นอกจากนั้นเมื่อการเดินทางสะดวกขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ ก็ใช้บ่อนการพนัน หรือ “กาสิโน” ดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว ทำให้มีชาวไทยขนเงินข้ามแดนไปเล่นการพนันกันเป็นจำนวนมาก
จากสถานการณ์ข้างต้น จึงมีความพยายามฟื้นการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายขึ้นมาในประเทศไทยอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เน้นไปที่ตัวบ่อนหรือกาสิโนโดยตรง หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของ“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (EntertainmentComplex)” หรือสถานบันเทิงครบวงจร ที่ล่าสุดช่วงก่อนปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยสามัญประจําปีครั้งที่สอง รายงานผลการศึกษาเรื่องนี้ได้ผ่านการรับรองจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 28 มี.ค. 2567 และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานฉบับดังกล่าว ในวันที่ 9 เม.ย. 2567
รายงานฉบับนี้ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” จัดทำโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร มีสาระสำคัญ ดังนี้ 1.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้มีแต่กาสิโน โดยกาสิโนจะเป็นพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสถานบันเทิงครบวงจรที่ว่านี้ ยังมีในส่วนของโรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์การประชุม ศูนย์จัดแสดงสินค้า สวนสนุก ร้านอาหาร เป็นต้น
“เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่และเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ ในขณะเดียวกัน สถานบันเทิงครบวงจรจะเป็นการนำธุรกิจกาสิโนเข้ามาอยู่ในระบบอย่างมีมาตรฐานภายใต้การควบคุมของกฎหมาย และมีการจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้องรัฐยังสามารถใช้รายได้ที่จัดเก็บจากสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อเยียวยาปัญหาการเสพติดการพนัน พัฒนาสังคมและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และปราบปรามการพนันผิดกฎหมายที่กระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน” รายงานระบุ
2.ตัวอย่างที่น่าสนใจจากหลายประเทศ หนึ่งในต้นแบบที่สำคัญคือ “สิงคโปร์” ที่พบว่าการมีสถานบันเทิงครบวงจรช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ อาทิ สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศประมาณร้อยละ 2 คิดเป็นมูลค่ากว่า 240,000 ล้านบาท นอกจากนั้นยังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้กว่า 300,000 ล้านบาท มีการจ้างงานที่มีรายได้สูงมากกว่า 20,000 ตำแหน่ง และการเพิ่มรายได้ภาคการท่องเที่ยวมากกว่าร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่มีสถานบันเทิงครบวงจร
เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาธุรกิจผิดกฎหมายและปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้อง การมีสถานบันเทิงครบวงจรในสิงคโปร์ ทำให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการพนันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น การพนันผิดกฎหมายได้ลดลงจากร้อยละ 2.1 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 1.4 ในปี 2554 และเหลือเพียงร้อยละ 0.2 ในปี 2563 รวมถึงปัญหาการเสพติดการพนัน (Gambling Addiction) ก็ลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งการนำธุรกิจกาสิโนเข้าระบบอย่างมีมาตรฐานภายใต้การควบคุมของกฎหมาย ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์สามารถจัดเก็บภาษีและนำเงินเข้ากองทุนเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบได้
สิงคโปร์มีการตั้งหน่วยงาน Gambling Regulatory Authority of Singapore (GRA) มีอำนาจออกใบอนุญาตประกอบกิจการกาสิโนกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่อนุญาตให้ประกอบกิจการกาสิโน รวมไปถึงการกำกับดูแลเช่น ตรวจสอบผู้ได้รับใบอนุญาตว่ายังคงสามารถดำเนินกิจการได้ต่อไปหรือไม่ กำหนดให้คนที่จะเข้าไปทำงานบางตำแหน่งในกาสิโนต้องได้รับใบอนุญาตและห้ามผู้ประกอบการจ้างบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในบางตำแหน่งที่กำหนดไว้ดังกล่าว การห้ามผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปใช้บริการ การแก้ไขปัญหาเสพติดการพนัน เป็นต้น
นอกจากสิงคโปร์แล้ว รายงานยังกล่าวถึงอีกหลายตัวอย่าง เช่น “มาเลเซีย” โดยมี The Genting Highlands of Pahang เป็นกาสิโนเพียงแห่งเดียวที่รัฐบาลมาเลเซียอนุญาตให้เปิดมีกฎระเบียบที่เข้มงวด คือ ผู้เล่นต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าไปเล่นการพนัน ทั้งนี้ ธุรกิจการพนันในมาเลเซียดำเนินการ บริหารโดยบริษัทเอกชน ภายใต้กฎหมายการพนัน 8 ฉบับ โดยกาสิโนเกนติ้ง มีการเปิดบริการในรูปแบบของ Integrated Resort เป็นรีสอร์ทแบบครบวงจร มีโรงแรม สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง และกาสิโน
“สปป.ลาว” อนุญาตให้เปิดกาสิโนได้เฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น สถานกาสิโนที่เปิดบนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด เป็นรูปแบบ Integrated Resort หรือเป็นสถานบริการครบวงจร มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวใน สปป.ลาว อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า แม้จะมีกฎหมายห้ามชาวลาวเข้าไปเล่นการพนัน แต่ในทางปฏิบัติมีปัญหาด้านประสิทธิภาพการบังคับใช้ “เขตบริหารพิเศษมาเก๊า (จีน)” เศรษฐกิจพึ่งพาท่องเที่ยวและกาสิโนโดยมีสัดส่วนประมานร้อยละ 50 ของ GDPโดยรัฐจะใช้วิธีการให้สัมปทานแก่ผู้ประกอบการ
“ญี่ปุ่น” มีการออกกฎหมาย 2 ฉบับ คือกฎหมาย Act on Promotion of Development of Specified Integrated Resort Districts (Act No. 115 of December 26, 2016) ในปี 2559 เพื่อกำหนดหลักการพื้นฐานในการส่งเสริมนโยบายการพัฒนาพื้นที่สำหรับจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ประกอบไปด้วย กาสิโนศูนย์ประชุม สถานที่สันทนาการ สถานที่จัดการแสดง ที่อยู่อาศัย และสถานที่อื่นใดที่มีผลต่อการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยภาคเอกชน แต่ในส่วนของการกำหนดสถานที่ตั้งนั้นจะเป็นอำนาจของภาครัฐ
โดยต้องคำนึงถึงหลักการพื้นฐานของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมตลาดการท่องเที่ยวความเข้มแข็งของภาคเอกชน รวมถึงประโยชน์ในทางเศรษฐกิจที่ภูมิภาคนั้นจะได้รับ ตลอดจนการจัดสรรผลกำไรจากธุรกิจกาสิโนที่จะตอบแทนสู่สังคม และที่สำคัญการประกอบธุรกิจกาสิโนจะต้องอยู่ในการควบคุมและกำกับดูแลโดยรัฐ ภายใต้การกำหนดมาตรการที่เหมาะสม และกฎหมาย Act on Development of Specified Integrated Resort Districts (Act No. 80 of July 27, 2018) ในปี 2561 แยกออกเป็น 2 ส่วน
คือ ส่วนแรกเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร (Specified Integrated Resort) และอีกส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งและกำกับดูแลสถานกาสิโน ซึ่งในส่วนของกาสิโน ได้ขยายความหมายของ Specified Integrated Resort ว่าให้หมายความรวมถึงกลุ่มของสถานที่ที่ประกอบด้วยกาสิโนและสถานที่อื่นๆ ซึ่งก่อตั้งและดำเนินการเช่นเดียวกันโดยผู้ประกอบธุรกิจเอกชน เช่น สถานที่จัดประชุมนานาชาติ สถานที่จัดงานแสดงสินค้า สถานที่ซึ่งใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและใช้ในการแสดงศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี และสถานที่อื่นๆ ตามคณะรัฐมนตรีกำหนด เป็นต้น
3.ผลที่อาจเกิดขึ้นหากอนุญาตให้มีสถานที่เล่นการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งมีทั้ง 2 ด้าน แบ่งเป็น “ผลประโยชน์เชิงบวก” ที่คาดว่าจะได้รับ อาทิ ทำให้สามารถควบคุมหรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวมได้ดีขึ้น เช่น ธุรกิจกาสิโน หรือการเล่นพนันถูกกฎหมาย ทำให้ประชาชนหันไปพึ่งพาการพนันที่ผิดกฎหมายน้อยลง เป็นการลดภาระของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามตามกฎหมาย
การช่วยลดปัญหาผู้มีอิทธิพล และลดปัญหาเงินตรารั่วไหลจากการที่ประชาชนนำเงินออกไปเล่นการพนันนอกประเทศ รวมถึงช่วยลดภาระด้านงบประมาณของประเทศที่ใช้ในการป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ ทำให้อัตราการว่างงานของคนในพื้นที่ลดน้อยลง มีการเพิ่มอัตราการจ้างงาน ส่งผลให้ในภาพรวมประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้นทั้งในด้านการอุปโภค-บริโภค
รวมทั้งทำให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากทรัพยากรในพื้นที่ อันเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และรัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ทั้งจากค่าธรรมเนียม ค่าการอนุมัติ อนุญาต และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตได้ต่อไป
ประชาชนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ที่มีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร อันได้แก่ กลุ่มเด็กและเยาวชน ในแง่ของผลดีจะเกิดการจ้างงานชั่วคราว (Part-time) ให้กับเด็กและเยาวชนในครอบครัวยากจนและขาดโอกาสให้มีงานทำ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุและคนพิการ ในกรณีเป็นสถานบันเทิงขนาดใหญ่สามารถเกิดการจ้างงานคนพิการตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มเปราะบางดังกล่าวได้ ตลอดจนเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่
ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัว ที่สมาชิกไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายออกไปหางานทำในพื้นที่อื่นๆ ช่วยให้ลดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งและการใช้ความรุนแรงในครอบครัวลงได้ในระดับหนึ่ง เกิดการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะเฉพาะด้านในโรงเรียนหรือสถานศึกษา เพื่อรองรับตลาดแรงงานฝีมือที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจในสถานบันเทิงครบวงจร อาทิ หลักสูตรการบริหารจัดการในธุรกิจเฉพาะด้าน หลักสูตรการเป็นผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจกาสิโน หรือในธุรกิจบริการด้านอื่นๆ ในสถานบันเทิงนั้น เป็นต้น
แต่ก็มี “ผลกระทบเชิงลบ” ที่ต้องระมัดระวัง อาทิ อาจเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย การกู้ยืมเงินนอกระบบ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์ทั้งทางแรงงานและทางเพศ ตลอดจนการค้าสินค้าหนีภาษี และเป็นบ่อเกิดของการคอร์รัปชั่น รวมถึงทำให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตของประชาชนเสื่อมโทรม ทำให้รัฐต้องเสียประโยชน์ในการจัดเก็บรายได้จากการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวรวมถึงสูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น
หากรัฐไม่มีมาตรการควบคุมการเข้าใช้สถานบันเทิงครบวงจร และสถานกาสิโนอย่างเข้มงวดรัดกุมพอ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม เช่น ปัญหาการฉ้อโกง ปล้น ลักทรัพย์ รวมถึงการก่ออาชญากรรมประเภทต่างๆ ตลอดจนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในสถาบันครอบครัว และความเสื่อมทรามทางศีลธรรม ตามมาได้ หรือหากประชาชนเข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิงแบบครบวงจรจนติดเป็นนิสัย อาจทำให้ไม่มีเงินหลงเหลือพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต
หรือทรัพย์สินร่อยหลอลงจนเกิดเป็นปัญหาทางการเงินและการประกอบอาชีพ ซึ่งส่งผลสะท้อนกลับมายังภาครัฐในการแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา หรือกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน นอกจากนั้น การสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร (และ/หรือกาสิโน) จะต้องมีการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะต้องประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงอาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศจากการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่จะก่อสร้าง เช่น การตัดไม้ทำลายป่า มลภาวะจากฝุ่นละออง
รวมถึงมลพิษตามแหล่งน้ำจากสิ่งปฏิกูลมูลฝอย และสารเคมีที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ สำหรับใช้อุปโภคและบริโภค ส่วนการเปิดใช้สถานบันเทิงครบวงจรหรือกาสิโนดังกล่าว อาจมีปัญหาเรื่องมลภาวะทางเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนจากการแสดงดนตรี การเปิดเพลงเสียงดังของสถานบันเทิง การรวมกลุ่มมั่วสุม การดื่มสุรา ซึ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนและความปลอดภัยของประชาชนหรือผู้สูงอายุและ กลุ่มผู้เปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ที่ต่างอาศัยในเขตพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานบันเทิงครบวงจร
สถานบันเทิงครบวงจรอาจกลายเป็นศูนย์รวมอบายมุขและแหล่งอาชญากรรม โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในวัยของการศึกษาเล่าเรียน เช่น ทำให้ไม่สนใจการเรียน ขาดเรียนบ่อย และผลการเรียนตกต่ำ รวมถึงปัญหาเรื่องสุขภาพของเด็กวัยเรียนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติด เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมา
รวมถึงผลกระทบทางอ้อมอันเนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีเวลาเอาใจใส่หรือส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านความคิด อารมณ์ และการเรียนรู้ ของเด็กและเยาวชนได้ ไปจนถึงอาจเป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับประชาชน จากการเห็นคนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขในสถานบันเทิงครบวงจร หรือเล่นการพนันในกาสิโนได้ มีเงินใช้จ่ายใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือย จนเกิดการเอาอย่างขึ้น รวมถึงสร้างนิสัยเกียจคร้านในกิจการงานอย่างอื่น ไม่สนใจจะประกอบอาชีพตามอย่างที่สุจริตชนทั่วไปพึงทำ
ทั้งนี้ ในวันที่ 9 เม.ย. 2567 ที่ ครม. รับทราบคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ยังมีข้อสรุปให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้ และนำกลับมาเสนอต่อ ครม. ภายใน 30 วัน (คาดว่าประมาณวันที่ 9 พ.ค. 2567)!!!
หมายเหตุ : อ่าน “รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” ฉบับเต็ม ได้ที่ https://pis.parliament.go.th/PARFileDownloadProxy/download?s=2oD9r1NHOHqSHgwDMDUS8vNwfdU3U5NMZlYAVizbBcn7e1EiU13vPJRT0ATtRnYc11HrVKL_0B0XBuKPan25Dx_1H7rrP9m0ZAVOeJ6HDHDj1GsJDFMIourKHUTFeJdRJdAutiAuyfY5tdiOWZn7ai6ppMo8urgS4gw=&ref=4997762&n=1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี