ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงาน “โครงการรณรงค์การทำปุ๋ยหมักจากซังข้าวโพดและเศษพืช เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน และลดปัญหาหมอกควัน และ PM2.5” ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีนายเศรษฐเกียรติ
กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯนายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่บ้านต่อเรือ หมู่ 2 ต.ช่างเอิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดิน จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อปลุกจิตสำนึก และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้ทราบถึงประโยชน์จากการทำปุ๋ยหมัก จากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร 2.เพื่อสาธิตวิธีการทำปุ๋ยหมักที่ถูกต้องและเหมาะสมให้แก่เกษตรกร เป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน 3.เพื่อให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนทัศนคติ งดการเผา และนำวัสดุที่เหลือใช้จากไร่นามาเป็นวัสดุปรับปรุงบำรุงดิน เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต และ 4.เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ลดหมอกควัน บรรเทาภาวะโลกร้อน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดิน มีนโยบายให้จัดทำปุ๋ยหมักกองใหญ่ขึ้นในพื้นที่ซึ่งมีปริมาณเศษวัสดุทางการเกษตรมาก เพื่อให้ประโยชน์ทั้งในเรื่องการปรับปรุงบำรุงดิน และการป้องกันแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ช่วยลดหมอกควันและฝุ่นละออง โดยมีแผนการรณรงค์นำร่องในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีพื้นที่ในการปลูกข้าวโพดจำนวนมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบปัญหาการเผาเศษวัสดุก่อนการเพาะปลูกพืช เป็นปัญหาที่สำคัญของ จ.เชียงใหม่ เพราะหากเกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ก็จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยการดำเนินการครั้งนี้จะใช้ผลิตภัณฑ์ของกรมพัฒนาที่ดิน สารเร่งพด.1 ช่วยในการย่อยสลายเศษพืชและเศษวัสดุให้เกิดการหมักที่รวดเร็วให้เป็นปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพในการนำไปใช้ปรับปรุงดิน ให้พืชมีการเจริญเติบโตที่ดี ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุและแร่ธาตุในดินให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรลดการพึ่งพาการใช้ปุ๋ยเคมี ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต และส่งผลช่วยให้ลดภาวะหมอกควันที่เกิดจากการเผาเศษวัสดุการเกษตร ลดปัญหาต่อชุมชน และทำให้สภาวะแวดล้อมดีขึ้น
“นอกจากการรณรงค์ไม่ให้มีการเผาในพื้นที่การเกษตรแล้ว ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการนำเศษวัสดุทางการเกษตรกลับมาใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังมอบหมายกรมปศุสัตว์ รับซื้อวัสดุทางการเกษตรดังกล่าว เพื่อนำมาเป็นอาหารสัตว์ถือเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่งให้เกษตรกร”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี