‘ดีอี’โชว์10ผลงาน
ปราบโจรออนไลน์
ลุยจับแก๊งบัญชีม้า
ลดเสียหายให้ปชช.
“ดีอี” สนองนโยบายรัฐบาล เร่งออกมาตรการปราบอาชญากรรมทางไซเบอร์ เผยผลจับกุม 10 ด้าน จัดการบัญชีม้าได้เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าแต่ยังไม่พอใจแนวทางปฏิบัติ เหตุเหยื่อ-มูลค่าความเสียหายยังสูง
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายวิศิษฎ์วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงถึงมาตรการป้องกันและปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยประเสริฐ กล่าวว่า ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการ 10 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ จับกุมได้ทั้งหมด 6,624 ราย ส่วนเว็บพนันออนไลน์จับกุมได้ 3,667 ราย บัญชีม้าและซิมม้า 366 ราย2.การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมายและเว็บพนัน 16,658 รายการ และเว็บพนัน 6,515 รายการ3.การระงับบัญชีม้ากว่า 700,000 บัญชี และกำหนดเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการนำเอาบัญชีไปกระทำความผิดเพิ่มเติม
4.การกวาดล้างซิมม้า 800,000 หมายเลข และระงับการโทรออกของหมายเลขโทรศัพท์ที่มีโทรออกมากกว่า 100/วัน 36,641เลขหมาย ส่วนผู้ที่ถือครองซิมมากกว่า 100 ซิม ได้มีการยืนยันตัวตนแล้ว 2.58 ล้านเลขหมาย ยังไม่มายืนยันตัวตนอีก 2.5 ล้านเลขหมาย และเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดซิมโทรศัพท์ใหม่
5.การดำเนินการเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ผิดกฎหมายตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ได้ร่วมกับ กสทช.ดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวาดล้างและตรวจสอบตามแนวชายแดน 6.ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยเฝ้าระวังชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่ชักชวนหลอกลวงคนไทยไปเป็นแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
7.ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศเจรจาแก้ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านและจับกุม ทั้งปัญหาคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ โดยหารือครบทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว 8.กำกับดูแลการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย ให้สำนักงานกลต.ส่งข้อมูลผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทรวงดีอี และปิดกั้นช่องทางการเข้าถึง เพื่อป้องกันมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางนำสินทรัพย์ไปฟอกเงิน 9.บูรณาการข้อมูล ใช้ศูนย์ aoc1441 เป็นแพลตฟอร์มกลาง รับและแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งหมด และ 10.ประสานงานกับสคบ.จัดทำประกาศ ให้ธุรกิจขนส่งสินค้า ที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่เป็นรายการควบคุม ในกรณีสินค้าไม่ตรงปก ให้มีการชะลอการโอนเงินให้ผู้ขาย โดยคาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะประกาศใช้มาตรการได้
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการระยะต่อไป ได้เพิ่มอีก 7 มาตรการดังนี้ 1.ดำเนินการต่อในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทั้งนอกและในประเทศ 2.ดำเนินการต่อปราบปรามป้องกันบัญชีม้าซิมม้า 3.แก้ไขปัญหาหลอกลวงซื้อสินค้าออนไลน์ 4.เยียวยาผู้เสียหาย โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 5.เพิ่มความรับผิดชอบผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์โซเชียลมีเดีย ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการทางด้านการเงิน กรณีที่แพลตฟอร์มเหล่านั้นถูกมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน หากพบว่าไม่มีความพยายามป้องกันให้เพียงพอ จะต้องร่วมรับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น 6.รณรงค์การประชาสัมพันธ์และสร้างภูมิคุ้มกันอาชญากรรมออนไลน์แบบเจาะจง และ 7.เร่งรัดปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นที่สำคัญ เช่น การเร่งคืนเงินผู้เสียหาย และเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำข้อมูลรั่วไหล เรื่องการป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ในภาพรวมการจับกุมคนร้าย การกวาดล้างบัญชีม้าซิมม้า ปิดกั้นเว็บผิดกฎหมาย มีสถิติที่ดีขึ้น เป็นตัวเลขที่สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า อย่างไรก็ตาม นายกฯขอให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนผู้เสียหายลดความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งสิ่งที่กังวลในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีเฉลี่ย992คดีต่อวัน สูงขึ้นกว่าเดือนมีนาคม เป็นตัวเลขที่เราต้องทำให้ลดลง ขณะนี้มีมูลค่าค่าความเสียหายประมาณ110ล้านบาทต่อวันลดลงจากเดือนมีนาคม แต่ยังไม่เป็นที่พอใจ เพราะต้องทำให้ดีกว่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี