ค้นบ้าน‘รองนายกเล็ก’โยงหนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน ไหวตัวทันหนีพร้อม‘ผัว-ลูกสาว’

13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบช.สอท. , พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 , พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช , พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 , พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 สนธิกำลังร่วมกับ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รองผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผกก.สส.บก.ตม.6  และนายปราโมทย์ รัตรประทีป อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น 7 จุด ในพื้นที่ อ.ฉวาง และ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ตามยุทธการ Takedown Scammer Ep:2  จับกุมเครือข่ายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

จุดที่น่าสนใจ คือการเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของรองนายกเทศมนตรี และสามี โดยทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ลงวันที่ 8 พ.ค.67 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันเป็นซ่องโจร และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ 

จากการตรวจสอบไม่พบตัวรองนายกเทศมนตรี และสามี พบเพียงผู้ดูแลเท่านั้น โดยบ้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ภายในมีการแบ่งเป็นโซนที่พักและห้องทำงาน อีกโซนเป็นที่เก็บสินค้าจำพวก ถุงพลาสติก สินค้าเบ็ดเตล็ด กระดาษทิชชู เป็นต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารหลักฐานบริษัทในเครือข่าย โฉนดที่ดิน สมุดบัญชีธนาคาร ไว้ตรวจสอบ

ส่วนกำลังอีกส่วนเข้าตรวจสอบบ้านอีกหลังหนึ่งใน ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านลูกสาวของรองนายกเทศมนตรี แต่ไม่พบตัวเช่นกัน พบเพียงนายหยาง ชาวจีน ซึ่งเป็นพ่อสามี อาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าว โดยเจ้าที่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารหลักฐาน , สมุดบัญชีธนาคาร ไว้ทำการตรวจสอบ

อีกจุดได้เข้าตรวจค้นโรงแรม ซึ่งอยู่ในตัว ต.ฉวาง ก่อนจับกุมนายอาย่ะ อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ลงวันที่ 8 พ.ค.67 ในความผิดเดียวกัน

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่าย โดยจับกุม น.ส.ธัญพร อายุ 44 ปี และ น.ส.ลักษิกา อายุ 51 ปี ได้ที่ อ.ฉวาง , น.ส.ณัฏฐกันย์  อายุ 23 ปี จับได้ที่ จ. สุราษฎร์ธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ลงวันที่ 8 พ.ค. ในความผิดเดียวกัน ก่อนนำตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่ สภ.ทุ่งสง ในส่วนของรองนายกเทศมนตรี , สามี และลูกสาว อยู่ระหว่างหลบหนี

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ บช.สอท.สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวนภาค 8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. กว่า 100 นาย ปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย , ชาวจีน , ชาวรัสเซีย และชาวญี่ปุ่น โดยครั้งนั้นจับกุมขบวนการชาวจีน และผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวม 90 คน พร้อมยึดของกลางหลายรายการ เช่น คอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง , มือถือและซิมผี 854 เครื่อง , Router กระจายสัญญาณ 22 เครื่อง และบัญชีม้า 342 เล่ม

จากการขยายผลพบความเชื่อมโยงว่าขบวนการดังกล่าวมี รองนายกเทศมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนมาใช้ปฏิบัติการ และได้ผลประโยชน์จากการเช่าอาศัย อีกทั้งสามีมีการโอนเงินซื้อคอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์ให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน และทำหน้าที่จ่ายเงินให้ลูกจ้างชาวไทย ส่วนลูกสาวของรองนายกเทศมนตรี เป็นนอมินีปรากฏชื่อในบริษัทที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใช้บังหน้า จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ  7 ราย ประกอบด้วย กลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ 2 หมายจับ และบัญชีม้า 5 หมายจับ

อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องเสนอออกหมายจับ รองนายกเทศมนตรี เนื่องจากมีพฤติกรรมหลบหนี ไม่ยอมมาตามหมายเรียก ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของศาล เช่นเดียวกับผู้ต้องหาที่หลบหนีได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนหน่วยงานความมั่นคงเฝ้าติดตาม และคุมเข้มสกัดจับตามแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

-005