เป็นที่ยืนยันแล้วว่า น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้ต้องหาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ประกาศอดอาหารในเรือนจำขณะอยู่ระหว่างพิจารณาคดี ได้เสียชีวิตเมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 14 พ.ค. 2567 ที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ หลังถูกส่งตัวจาก รพ.ราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการหัวใจหยุดเต้น

ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2567 บุ้ง ซึ่งมีคดีเก่าคือคดีมาตรา 112 กรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จที่บริเวณห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 รวมถึงคดีละเมิดอำนาจศาล กรณีมีเหตุกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานตำรวจศาล เป็นเหตุให้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจศาลของศาลอาญากรุงเทพใต้ป้องกันตัวด้วยการใช้ดิ้ว หรือกระบองเหล็กยืดหด ตีเข้าที่บริเวณข้อศอกจนเกิดอาการบาดเจ็บ

รวมถึงคดีเข้าร่วมชุมนุมและพ่นสีหน้ากระทรวงวัฒนธรรม เรียกร้องให้ถอด นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ วุฒิสมาชิก (สว. )ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ ศาลนัดฟังคำสั่งถอนประกัน กรณีพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวน และมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว ซึ่งศาลได้วินิจฉัยว่า จำเลยได้ทำการพ่นสีสเปรย์ลงบนธงประจำพระองค์ของสมเด็จพระราชินี ซึ่งเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวที่ห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหานี้อีก

ส่วนคดีละเมิดอำนาจศาล มีคำวินิจฉัยว่า น.ส.เนติพร แม้ไม่ได้ปีนเข้าไปบริเวณห้องควบคุม แต่ได้กระชากคอเสื้อทำให้เจ้าหน้าที่ศีรษะกระแทกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล จึงพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน ทั้งนี้ น.ส.เนติพร แจ้งว่า ไม่ขอยื่นประกันตัวหรืออุทธรณ์ จึงถูกนำตัวส่งไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งหลังจากนั้นก็มีรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2567 เป็นต้นมา “บุ้ง ทะลุวัง” ได้ประกาศอดอาหารประท้วง เรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะประเด็นต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างทางการเมือง

วันที่ 2 ก.พ. 2567 มีรายงานว่า บุ้ง-เนติพร ตัดสินใจทำพินัยกรรม หากตนเองเสียชีวิตไป ขอยกทรัพย์สินประกอบด้วยเงินสดในบัญชีธนาคาร เครื่องประดับ และแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยง แก่ น.ส.หยก (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริงเนื่องจากยังเป็นเยาวชน) นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในกลุ่มเดียวกันซึ่งพักอาศัยอยู่กับบุ้ง ยกเว้นที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ ที่ บุ้ง-เนติพร ยกให้เป็นของพี่สาว

วันที่ 9 ก.พ. 2567 มีรายงานว่า  น.ส.เนติพร ทำเรื่องแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์รับบริการสาธารณสุขเพื่อยื้อชีวิตไว้โดยไม่จำเป็นและเป็นการสูญเปล่า และหากเสียชีวิตเมื่อใดก็ขอบริจาคร่างกายให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการศึกษาและวิจัย เพื่อนำร่างไปใช้ประโยชน์

จากนั้นวันที่ 26 ก.พ. 2567 มีรายงานว่า บุ้ง ทะลุวัง ซึ่งอดอาหารต่อเนื่องเป็นวันที่ 32 ถูกส่งตัวจากทัณฑสถานหญิงกลางกลับไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์อีกครั้ง เนื่องจากอาเจียนปนเลือดไม่หยุด นาน 3 วันติดต่อกัน ขณะที่ทนายความซึ่งได้เข้าเยี่ยม เล่าว่า สภาพของบุ้งหน้าซูบตอบ เบ้ารอบดวงตามีร่องลึก หรือตาโหล มีอาการอ่อนเพลียตลอดเวลา มีอาการเป็นตะคริวบ่อยครั้ง ต่อมาวันที่ 8 มี.ค. 2567 มีรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า น.ส.เนติพร หรือบุ้ง ทะลุวัง ถูกนำตัวส่ง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ หลังอดอาหารต่อเนื่องเป็นวันที่ 41 เนื่องจากมีอาการมองไม่เห็น อาเจียนปนเลือด อ่อนแรงและซูบผอม

ในวันที่ 18 มี.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุวัง’ โพสต์ข้อความที่อ้างว่าเป็นจดหมายของ น.ส.เนติพร หรือบุ้ง ทะลุวัง ซึ่งเขียนจากภายในเรือนจำ เนื้อหาตำหนิการกระทำของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่ไม่รักษาคำพูดเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม รวมถึงไม่ยอมทวงความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดง นอกจากนั้น ยังผิดหวังในตัวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งพ่อทุกอย่างก็ได้ แต่ท้ายที่สุดลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น

วันที่ 30 มี.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานอาการของบุ้ง ทะลุวัง ว่า ณ เวลานั้น บุ้งน้ำหนักตัวประมาณ 63 กก. ลดลงจากเดิมประมาณ 20 กว่ากิโลกรัมแล้ว อีกทั้งแพทย์ยังกังวลว่า บุ้ง ทะลุวัง อาจมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากไม่ขับถ่ายอุจจาระเลยเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แพทย์จึงให้บุ้งรับประทานยาถ่าย หลังกินแล้วบุ้งปวดท้องมาก ลักษณะปวดบิด ปวดอยู่นานจนน้ำตาไหล ขาสั่น และเหนื่อยมากจนกระทั่งเผลอหลับไป

วันที่ 4 เม.ย. 2567 มีรายงานว่า น.ส.เนติพร ถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ จนกระทั่งวันที่ 14 พ.ค. 2567 มีรายงานว่า น.ส.เนติพร หัวใจหยุดเต้น ก่อนได้รับการยืนยันอีกครั้งว่าเสียชีวิตแล้ว ณ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในวัย 28 ปี จนถึงปัจจุบันรวม 110 วัน ก่อนมีอาการหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สำหรับประวัติของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” เกิดในครอบครัวนักกฎหมาย ที่มีพ่อเป็นผู้พิพากษาและแม่เป็นทนายความ ด้านการศึกษา จบ ม.ปลาย จาก ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า และเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีอาชีพเสริมเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ ส่วนมุมมองด้านการเมือง น.ส.เนติพร เคยยอมรับว่า ตนเองเคยสนับสนุนกลุ่ม กปปส. มาก่อน กระทั่งต่อมาได้เปลี่ยนมุมมองหันมาสนับสนุนกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ออกมาชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2563