วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
กสศ. จับมือ สพฐ. MOU ขยายผล 'Q-Info' ลดภาระครู เพิ่มเวลาพัฒนาผู้เรียน

กสศ. จับมือ สพฐ. MOU ขยายผล 'Q-Info' ลดภาระครู เพิ่มเวลาพัฒนาผู้เรียน

วันศุกร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 14.01 น.
Tag : กสศ. สพฐ. MOU การพัฒนาคุณภาพการศึกษา Q-Info
  •  

กสศ. จับมือ สพฐ. MOU ขยายผล ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา Q-Info นำร่อง 5 เขตพื้นที่การศึกษารับเปิดเทอม 2567 ช่วยคัดกรองเด็กเสี่ยงหลุดจากระบบ เติมความสุขในการทำงาน ลดภาระครู เพิ่มเวลาพัฒนาผู้เรียน

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดพิธีลงนามความร่วมมือดำเนินงาน โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มุ่งขยายผลการนำระบบสารสนเทศ Q-Info มาใช้ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เดินหน้าภารกิจ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ลดจำนวนเด็กหลุดจากระบบการศึกษาให้เป็น ‘ศูนย์’ พร้อมร่วมกันพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อลดภาระงานครูตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ โดย สพฐ. สนับสนุนให้ยกระดับการใช้งาน Q-Info ภายในสถานศึกษาต้นแบบ 2,000 โรงเรียน สู่การใช้ระบบในระดับพื้นที่ ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 5 พื้นที่ ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3, สำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2, สำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต และ สำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษาระนอง เพื่อประโยชน์ในการบริหารและจัดการศึกษา เพิ่มเวลาให้ครูได้พัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอน ส่งเสริมผู้เรียนให้เรียนรู้เต็มศักยภาพ  


ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือ ‘Q-Info: Quality learning Information System’ เป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษา ที่ กสศ. ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวร พัฒนาขึ้น ด้วยตระหนักว่า ‘ข้อมูล’ เป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนาคุณภาพโรงเรียน ระบบสารสนเทศ Q-Info ที่เป็นฐานข้อมูลของโรงเรียนและมีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลของนักเรียนเป็นรายบุคคล จึงเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของการพัฒนาคุณภาพโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนมีเครื่องมือในการบริหารจัดการโรงเรียน สามารถกำหนดเป้าหมายการพัฒนาโรงเรียนได้ในทุกมิติ และวางแผนการจัดการเรียนรู้และสร้างระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ตรงตามบริบท 

หลังจากที่ กสศ. ทดลองใช้ระบบ Q-Info กับโรงเรียนในหลายสังกัดมาตั้งแต่ปี 2561 เริ่มจากโรงเรียนสังกัดเทศบาลนคร ก่อนขยายสู่กลุ่มโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร อาทิ โรงเรียนในสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) หรือโรงเรียนที่เข้าร่วมในโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น พบว่า การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลสารสนเทศผ่านระบบ Q-Info ได้เข้ามาช่วยในการลดภาระงานครู และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่ครูและโรงเรียนสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ตามความถนัดและตามความสนใจ ทั้งยังเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาได้อย่างทันท่วงที ด้วยลักษณะการใช้งาน (Funtion) ที่เป็นจุดเด่นของ Q-Info ดังนี้

 1. จัดการข้อมูลและงานวิชาการ อาทิ เปลี่ยนแปลงแก้ไขปฏิทินโรงเรียน บันทึกรายชื่อครูประจำชั้น จำนวนนักเรียน ตารางเรียน วิชาเรียน การจัดห้องเรียนและแผนการเรียน การย้ายเข้า-ออกหรือการเปลี่ยนแปลงสถานะของนักเรียน

2. การจัดทำข้อมูลนักเรียนรายคน ตั้งแต่การเลื่อนชั้น การลงทะเบียนวิชาเรียน ตารางกิจกรรม จัดทำผลการเรียน การจัดทำเอกสารประเมินผลตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.)

3. จัดทำรายงานสำหรับโรงเรียน เช่น สถิติการมาเรียน ระดับความเปลี่ยนแปลงของภาวะโภชนาการ ข้อมูลความเสี่ยงในมิติต่าง ๆ (Early warning) รายงาน School SAR และ school dashboard

4. ระบบการแจ้งเตือนเป็น dashboard สำหรับการติดตามข้อมูลโดยผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ปกครอง

ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ครั้งที่ 4/2566 (7 เมษายน 2566) กสศ.ได้นำเสนอผลการดำเนินงานของระบบ Q-Info ที่มีโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ที่ใช้งานอยู่ราว 2,000 กว่าแห่ง ซึ่งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า Q-Info เป็นระบบที่ช่วยในการพัฒนาและบริหารจัดการโรงเรียนได้ในหลายมิติ และเห็นควรให้มีการขยายผลการใช้งานให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือ โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา พร้อมเตรียมขยายผลการใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info นำร่องใน 5 เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะมีโรงเรียนมากกว่า 500 แห่งที่ได้ประโยชน์ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับจากโรงเรียนสู่เขตพื้นที่ ก่อนจะมองถึงเป้าหมายต่อไปคือการใช้งาน Q-Info ในทุกโรงเรียนทั่วประเทศ โดยกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายจัดสรรงบประมาณปี 2567 ราว 200 ล้านบาท และในปี 2568 อีก 2 หมื่น 2 พันล้านบาท เพื่อลงทุนเรื่องระบบสนับสนุนการบริหารจัดการในสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

“กระทรวงศึกษาธิการเห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งของการเปลี่ยนผ่านการบริหารจัดการข้อมูลให้เป็นระบบดิจิทัล ตัวอย่างหนึ่งคือภาระการจัดเก็บ ปพ.3 (รายงานผู้สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 และ ม.6) ของนักเรียนราวหนึ่งล้านกว่าคนในแต่ละปี ที่จะส่งผ่านจากโรงเรียนมาที่สำนักงานเขตพื้นที่ ฯ และจัดเก็บขั้นตอนสุดท้ายที่ สพฐ. จนเมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลที่เป็นกระดาษได้ทวีจำนวนขึ้น แล้วทุกปีที่มีบัณฑิตใหม่จบปริญญาตรี ก็จะมีการตรวจสอบวุฒิจากคลังข้อมูลที่เก็บเอาไว้ ภาระนี้เป็นความยุ่งยากที่การจัดเก็บข้อมูลออนไลน์จะช่วยได้ โดย สพฐ. จะเป็นผู้ดูแลจัดการข้อมูลให้ง่ายต่อการค้นหาผ่านเลข 13 หลัก ส่วนเรื่องการบริหารจัดการโรงเรียน ไม่ว่าระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล การตรวจสอบข้อมูลน้ำหนักส่วนสูงเพื่อดูภาวะโภชนาการ เหล่านี้เคยเป็นภาระที่ครูจะต้องกรอกตัวเลขด้วยปากกากระดาษทีละช่อง วันนี้เรามีระบบที่จะมาช่วยให้ทำได้รวดเร็ว สะดวกต่อการเรียกใช้ และจัดเก็บข้อมูลได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น”

ดร.พัฒนะ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้ สพฐ. เป็นหน่วยงานหลัก ในการบริหารจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ โดยรวบรวมข้อมูลสถานศึกษาทุกสังกัดภายใต้กระทรวงศึกษา ฯ ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษา ครู รวมถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จะสามารถใช้งานโดยเข้าถึงและแลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้ระหว่างกันได้ ผ่านเครือข่าย Cloud Server ขนาดใหญ่ หมายถึงต่อจากนี้เราจะมี Market Place ด้านการจัดการเรียนรู้ หรือ ‘ตลาดใบงาน’ ที่ออกแบบโดยครูแต่ละคน มีการจัดการศึกษาที่หลากหลาย เหมาะสมกับรายวิชา บริบทพื้นที่ หรือกับนักเรียนเป็นรายบุคคล ซึ่งทาง สพฐ. จะเป็นผู้ตรวจสอบคัดกรองข้อมูล และนี่คือแผนงานที่กำลังจะเกิดขึ้น และสอดคล้องประสานกันระหว่างงานของ สพฐ. และสิ่งที่ กสศ. วางแนวทางล่วงหน้าเอาไว้

“วันนี้เรามีข้อมูลเป็นเครื่องมือติดตามดูแลนักเรียนทุกคนได้ตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์ โดยเฉพาะคนที่เสี่ยงหลุดจากระบบกลางคัน เป็นโอกาสที่เราจะตามเด็กกลับมา ทั้งยังมีเรื่องการผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ มาตรา 12 และมาตรา 15 ที่เปิดโอกาสให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทำได้ไม่เฉพาะแค่ในสถานศึกษา และให้โรงเรียนจัดการศึกษาได้ 3 รูปแบบ คือในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นรองรับความจำเป็นและวิถีชีวิตของเด็กทุกคนทุกกลุ่ม เรามีนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างโรงเรียนมือถือ มีระบบศูนย์การเรียนสำหรับรองรับเด็กเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาทุกรูปแบบ มีการทลายกรอบการจัดการศึกษาที่เคยกักขังเด็กไว้แค่ในห้องเรียน ด้วยเทคโนโลยีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่จะมาช่วยให้ทุกคนเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และต่อจากนี้เด็กเยาวชนของเราจะมีโอกาสมากขึ้น ในการจบการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ได้รับวุฒิ และมีทางไปต่อบนเส้นทางการศึกษาและการประกอบอาชีพได้ตามบริบทชีวิต”  

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า Q-Info เป็นงานวิจัยที่มีโจทย์คือต้องการนำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งหลายประเทศทำมานานแล้ว ขณะที่การจัดการข้อมูลการศึกษาของประเทศไทย ยังติดอุปสรรคเรื่องต้นทุนเวลา ด้วยข้อมูลที่บันทึกลงกระดาษจึงยากต่อการค้นหาและบริหารจัดการ รวมถึงยังมีความเสี่ยงในการเก็บรักษาข้อมูล ทั้งนี้เมื่อ Q-Info เริ่มนำมาใช้งานในโรงเรียนจากจุดเริ่มต้นจำนวนหลักร้อย ปัจจุบันได้ขยายการใช้งานไปในโรงเรียนจนแตะหลักพัน ซึ่งหลังจาก กสศ. ได้นำเสนอบทเรียนการใช้งานต่อ กพฐ. จึงมีนโยบายที่จะขยับการใช้งานไปอีกขั้น คือทดลองใช้งานในระดับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อมองถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้งานในระดับชาติต่อไป

“การสำรวจข้อมูลเพื่อทำงานวิจัยพบว่า โรงเรียนขนาดใหญ่นั้นมีทรัพยากรที่เพียงพอในการจัดหาระบบจัดบริหารจัดการข้อมูลในโรงเรียนจากภาคเอกชนมาใช้ได้ หากในโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็กกลับยังขาดแคลน Q-Info จึงเป็นนวัตกรรมที่ กสศ. ต้องการพัฒนาและส่งมอบให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เพื่อการพัฒนาและบริหารจัดการโรงเรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากนี้ Q-Info ยังทำงานเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ ของ สพฐ. คือ DMC, OBEC Care รวมถึงระบบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ระบบ Q-Info จึงสามารถเป็นแกนกลางของทุกระบบ ที่เขตพื้นที่การศึกษาจะใช้ติดตามเด็กและโรงเรียนได้ทั้งหมด ว่าต้องการการสนับสนุนในเชิงนโยบายหรือเชิงงบประมาณอย่างไร”

ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า Q-info จะเป็นเครื่องมือสำคัญของนโยบาย ‘Thailand Zero Dropout’ ซึ่งจะช่วยเฝ้าระวังไม่ให้มีเด็กหลุดไปจากระบบ ทั้งตอบสนองนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ‘เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา’ (Anywhere Anytime) โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง จนถึงการนำเทคโนโลยีและงานวิจัยมาช่วยลดภาระครู ทั้งนี้ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาไทยที่ยั่งยืน พร้อมกับวาระของการเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ 2567 กสศ. และ สพฐ. จึงมีความตั้งใจลงนามความร่วมมือเพื่อประกาศความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ทั้งคาดหวังว่าการทดลองใช้งาน Q-Info ใน 5 เขตพื้นที่การศึกษาต้นแบบเต็มพื้นที่ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผลไปยังการใช้งานเต็มพื้นที่ประเทศไทยต่อไป             

ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครูและสถานศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กสศ. และทีมมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้พัฒนา Q-Info โดยคำนึงถึงการลดภาระงานครูเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งสอดรับกับนโยบายลดภาระงานครูของกระทรวงศึกษาธิการ โดย Q-Info จะช่วยลดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการบันทึกเอกสารและจัดทำใบ ปพ. ต่าง ๆ เช่นคะแนนสอบ ผลประเมินการทำกิจกรรม ข้อมูลการเยี่ยมบ้าน แล้วรายละเอียดที่กรอกผ่านระบบจะสะสมเป็นฐานข้อมูลนักเรียนดิจิทัล สะดวกต่อการค้นหา ใช้งาน และการประมวลผล รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อการตั้งต้นทำแผนการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนการวางนโยบายการบริหารจัดการโรงเรียน

“Q-Info จะช่วยครูในเรื่องความซ้ำซ้อนของการกรอกข้อมูล การจัดทำเอกสารตามจำนวนผู้เรียน การมีพื้นที่เก็บข้อมูลกระดาษซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นทุกเทอมการศึกษา หรือโดยเฉพาะการจัดการและค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาใช้ที่ต้องสะดวกรวดเร็ว และแน่ใจได้ว่าเป็นข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยผลสะท้อนหลังใช้งานมาแล้วในโรงเรียนมากกว่า 2,000 แห่ง พบว่าผู้บริหารและครูส่วนใหญ่ยอมรับถึงความสะดวกในการใช้งาน ด้วยคู่มือ การอบรม คลินิกแนะนำที่ให้คำตอบภายใน 24 ชั่วโมง   

“เสียงส่วนหนึ่งจากครูผู้ใช้งานบอกว่า Q-Info คือเครื่องมือสำคัญของการเปลี่ยนผ่านการจัดเก็บข้อมูลแบบเดิมมาเป็นดิจิทัล ในด่านแรกครูหลายคนอาจมองว่าเป็นภาระ แต่เมื่อผ่านจุดที่ยากที่สุดคือการย้ายข้อมูลจากกระดาษเข้าระบบไปแล้ว หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ครูต้องจัดการตลอดทั้งเทอมหรือทั้งปี จะรวมไว้อยู่บนหน้าจอพร้อมเรียกใช้งานได้ทันที”

ดร.อุดม กล่าวถึงความท้าทายของการนำร่องใช้งาน Q-Info ใน 5 เขตพื้นที่การศึกษา ว่าที่ผ่านมาการใช้ประโยชน์จากระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีเป้าหมายคือการใช้งานในโรงเรียนเป็นหลัก อย่างไรก็ตามทีมวิจัยพัฒนามองว่าถ้ามี Dashboard ที่สรุปข้อมูลระดับเขตพื้นที่การศึกษาได้บนหน้าจอเดียว ผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาหรือศึกษานิเทศก์จะสามารถกำกับติดตามโรงเรียนในความดูแลได้อย่างใกล้ชิด แล้วข้อมูลที่ทางโรงเรียนเก็บบันทึกไว้ ก็จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ในขั้นตอนการกำหนดนโยบายที่ครอบคลุมระดับพื้นที่ โดยในอนาคตเมื่อมีเขตพื้นที่การศึกษาใช้งาน Q-Info แบบเต็มพื้นที่เพิ่มขึ้น สพฐ. ก็จะสามารถติดตามและบริหารจัดการข้อมูลของเขตพื้นที่การศึกษาจำนวนมากได้เช่นกัน ซึ่งนี่เป็นแนวทางการทำงานของ กสศ. ที่ตั้งใจทดลองการทำงานจากพื้นที่เล็ก ๆ จนเห็นผล ก่อนขยายไปสู่ขอบเขตการทำงานที่ใหญ่ขึ้น        

 #กสศ #กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา #Q-info 

-(016)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘สพฐ.’เดินหน้าใช้หลักสูตรใหม่‘ปฐมวัย-ประถมต้น’ 4,400 โรงเรียน ‘สพฐ.’เดินหน้าใช้หลักสูตรใหม่‘ปฐมวัย-ประถมต้น’ 4,400 โรงเรียน
  • สพฐ.เผยภาพรวมสอบเข้า ม.1 ม.4 เรียบร้อยดี ดูรายชื่อรร.ที่ว่าง 11 เม.ย. สพฐ.เผยภาพรวมสอบเข้า ม.1 ม.4 เรียบร้อยดี ดูรายชื่อรร.ที่ว่าง 11 เม.ย.
  • ศธ.คุมเข้ม! สอบเข้า ม.4 ทั่วประเทศ สพฐ.ยันเด็กต้องมีที่เรียนทุกคน ศธ.คุมเข้ม! สอบเข้า ม.4 ทั่วประเทศ สพฐ.ยันเด็กต้องมีที่เรียนทุกคน
  • สจล.-โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จับมือ MOU พัฒนาหลักสูตรและการจัดการเนื้อหาการเรียนรู้ออนไลน์ สจล.-โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จับมือ MOU พัฒนาหลักสูตรและการจัดการเนื้อหาการเรียนรู้ออนไลน์
  • \'สพฐ.\'เคาะวันสอบเข้า ม.1-ม.4 ใหม่!! เป็นวันที่ 5-6 เม.ย. พร้อมออกปฏิทินรับนักเรียน 'สพฐ.'เคาะวันสอบเข้า ม.1-ม.4 ใหม่!! เป็นวันที่ 5-6 เม.ย. พร้อมออกปฏิทินรับนักเรียน
  • รร.เทพมิตรศึกษา MOU ร่วมกับประเทศแคนาดา-สิงคโปร์  ยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสู่มาตรฐานสากล รร.เทพมิตรศึกษา MOU ร่วมกับประเทศแคนาดา-สิงคโปร์ ยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสู่มาตรฐานสากล
  •  

Breaking News

(คลิป) หลอกหลอน 'โฆษกพรรคเพื่อไทย' ไปตลอดชีวิต

'ดร.เสรี' ถาม 'รมว.สธ.'ตัดสินใจอย่างไร จะยึดความถูกต้องหรือจะยึดการรับใช้?

แคชเมียร์ระอุ! 'ปากีสถาน'ยกระดับโจมตี ยิงถล่มเสียชีวิต 1 ราย

ละเมิดสิทธิเด็ก! ‘ยูเอ็น’ประณาม‘อิสราเอล’สั่งปิดโรงเรียนในเยรูซาเล็มตะวันออก อ้าง‘ฮามาส’แฝงตัว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved