ชาวบ้านหนองพะวา จ.ระยอง โห่ร้องดีใจ จุดประทัดฉลอง ตอนที่รถขนกากเคมีพ้นประตูโรงงาน สุดดีใจในรอบ 10 ปี ขนสารเคมีออกไปได้จริง

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีไฟไหม้โรงงานวินโพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งวันนี้จะมีการเริ่มขนกากอะลูมิเนียมดรอส กว่า 7,000 ตัน ที่อยู่ในโกดัง 3 และกากตะกอนสารกัดแก้ว 400 ตัน อยู่ด้านข้างโกดัง 2

โดยเจ้าหน้าที่จากบริษัทรับกำจัดกากสารเคมี จำนวน 8 คน พร้อมด้วยรถบรรทุก ขนาดบรรทุก 13 ตัน จำนวน 3 คัน พร้อมอุปกรณ์ ถุงบิ๊กแบ็ค และผ้าใบสำหรับคลุมรถ ทำการขนย้ายกากอะลูมิเนียมดรอส ไปกำจัดที่โรงงานจังหวัดชลบุรี ระยะทาง 90 กม. โดย อบจ.ระยอง ได้นำรถแบคโฮสนับสนุนการตักกองอะลูมิเนียมดรอส ใส่รถบรรทุกของบริษัทรับเหมาด้วย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เริ่มขนย้ายกากสารเคมีล็อตแรกออกจากวินโพรเสสตั้งเป้าขนวันละ 100 ตัน)

ขณะที่การขนกากตะกอนสารกัดแก้ว ที่อยู่บริเวณข้างโกดัง 2 เจ้าหน้าที่บริษัทรับเหมาอีกบริษัทได้ใช้รถแบคโฮ เร่งยกถุงบิ๊กแบ็กกากตะกอนสารกัดแก้วใส่รถพ่วง ก่อนจะมีการคลุมผ้าใบให้มิดชิด นำไปกำจัดที่โรงปูน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งชาวบ้านได้มารอคอยการขนออกจากโรงงาน เมื่อรถบรรทุกขับเคลื่อนมาถึงด้านหน้า ก็พากันจุดประทัด ด้วยความยินดีที่ได้ขนสารเคมีอันตรายออกจากโรงงาน

นายอนันต์ ประกอบสุข อายุ 52 ปี ชาวบ้านหนองพะวา บอกว่า ดีใจที่มีการขนย้ายศารอันตรายออกไป เพราะชาวบ้านเฝ้ารอมานานกว่า10ปีเคยเห็นแต่การขนเข้า ไม่มีการขนออก วันนี้ได้ขนออกเป็นครั้งแรก ขอให้ขนไปให้หมดเพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนกับกลิ่นเหม็นสารเคมี โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ยังไปโรงเรียนไม่ได้เนื่องจากกลิ่นรุนแรงสงสารเด็กนักเรียนมากเพราะโรงเรียนอื่นเค้าก็เปิดเด็กไปโรงเรียนกันหมดแล้วแต่โรงเรียนบ้านหนองพวานักเรียนยังไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะกลิ่นเหม็นสารเคมีจึงขอให้ขนย้ายออกไปให้หมดไม่ต้องทิ้งอะไรไว้โดยเฉพาะถัง 200 ลิตรที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในนั้นมีสารเคมีที่ส่งกลิ่นเหม็น ก็อยากให้ขนออกไปให้หมด

โดยรถขนออกจากโรงงานฯ ล็อตแรก เวลา 12.15 น.เป็นกากอะลูมิเนียมดรอส มุ่งหน้าโรงงานรับกำจัดใน จ.ชลบุรี 3 คันๆ ละ 14 ตัน รวม 42 ตัน ส่วนชุดสุดท้าย เมื่อ 14.30 น. รถขนส่งกากตะกอนสารกัดแก้วน้ำหนักประมาณ 30 ถุง 20 ตัน ไปลงที่โรงปูนซีเมนต์ เอสซีจี ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จบภารกิจในวันนี้ โดยรถที่ขนจะขับกลับมารอที่หน้าโรงงานวินโพรเสสเพื่อเริ่มขนใหม่ในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.)