"ผู้ช่วย ผบ.ตร."บินแถลงเองหลังตำรวจภาค 3 ร่วมตำรวจบุรีรัมย์จับกุมมือสังหาร "เสี่ยดำช่องจอม" เจ้าของค่ายมวยดังได้ครบ 4 คนนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยมือยิงเป็นอดีตนักโทษเรือนจำ อ้างถูกเสี่ยดำขู่ฆ่าและกีดกันไม่ให้ทำงานชายแดน จึงมีรอยแค้นบวกชิงลงมือก่อน เผยทั้ง 2 เป็นเพื่อนรักกันเคยทำธุรกิจสีเทาด้วยกันมาก่อน
วันที่ 21 พ.ค.67 ที่ห้องประชุมชัยจินดาตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.ธีรพล ยมนา ผกก.สภ.กระสัง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมมือปืนที่ร่วมกันก่อเหตุยิงนายเปลี่ยนวิถี หรือ "เสี่ยดำ ช่องจอม" อายุ 56 ปี ชาว ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เจ้าของค่ายมวยแห่งหนึ่งใน อ.กาบเชิง และทำธุรกิจที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ เสียชีวิตภายในรถตู้ป้ายทะเบียนกัมพูชาต่อหน้าลูกชาย หลังนำมวยเด็กมาร่วมชกในงานฉลองพัดยศเจ้าอาวาสวัดในจ.บุรีรัมย์ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันที่ (22 เม.ย.67) ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า นายเปลี่ยนวิถี ต้องถือดี หรือ เสี่ยดำ ช่องจอม เจ้าของค่ายมวยอยู่ที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะและท้ายทอย เสียชีวิตภายในรถตู้ยี่ห้อฮุนได สีเทา เป็นรถมาจากประเทศกัมพูชา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันที่ 22 เม.ย.67 ที่ผ่านมานั้น เหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความลำบาก เนื่องจากเสี่ยดำทำธุรกิจหลายอย่างหลายประเภทรวมทั้งธุรกิจสีเทาด้วย แต่ตำรวจไม่ทิ้งประเด็นทุกประเด็นรวมถึงชู้สาว ขัดแย้งธุรกิจ การล้างแค้น และวงการมวย ถึงแม้การสอบสวนเบื้องต้นในตอนนั้นอาจจะไม่เกี่ยววงการมวยก็ตาม
การสืบสวนดังกล่าวชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์และชุดสืบสวนของ สภ.กระสัง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ จนกระสั่งสืบทราบได้ว่าคนก่อเหตุสังหารเสี่ยดำคือนายพงษ์ศักดิ์ หรือแป๊ะ อายุ 55 ปี อยู่หมู่ 2 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ตำรวจจึงขอหมายศาลออกหมายจับ โดยระหว่างการเข้าจับกุมนายแป๊ะ ขณะนอนอยู่บ้านพักของตัวเอง นายแป๊ะไหวตัว กระโดดออกจากทางหน้าต่างแล้ววิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ตามจับตัวมาได้
จากการสอบสวนนายแป๊ะ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยให้การว่า ตนกับผู้ตายคือเสี่ยดำ เป็นเพื่อนรักกันมาก่อน เคยค้าไม้พยูงเถื่อนส่งออกนอกประเทศด้วยกันจนกระทั่งตนถูกจับค้าไม้พยูงศาลสั่งจำคุก 3 ปีและพ้นโทษมาเมื่อปี 2563 หลังจากนั้นเสี่ยดำ ได้โทรศัพท์หาตน แต่ตนไม่ได้รับ ทำให้เสี่ยดำไม่พอใจ โทรศัพท์มาหาตนหลายครั้งจนกระทั่งภรรยาเป็นคนรับแทน โดยเสี่ยดำ ได้ขู่ผ่านภรรยาว่าจะฆ่ามาโดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คิดว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย ประกอบกับแค้นที่เสี่ยดำ กีดกันไม่ให้เข้าไปทำงานที่ด่านช่องจอม จึงหาซื้ออาวุธปืนจากนายหลุย ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริงมาในราคา 16,000 บาท และวางแผนยิงเสี่ยดำ
โดยในคืนเกิดเหตุวันที่ 22 เม.ย.ตนรู้ว่าเสี่ยดำจะเอานักมวยมาชกที่ อ.กระสัง จึงขี่รถจักรยายนต์มากับนายอนุพงศ์ หรือออย อายุ 38 ปี อยู่หมู่ 10 ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ แกะรอยตามมา พอสบโอกาสได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว จากนั้นได้ขี่รถหลบหนีไปทางจังหวัดสุรินทร์ ไปจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แล้วขึ้นรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียนสุรินทร์ มีนายวงศ์ อายุ 65 ปี อยู่หมู่ 5 ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นคนขับหลบหนีต่อ
ส่วนอาวุธปืนขนาด .38 ที่ใช้ยิงเสี่ยดำ ได้เอาไปฝากไว้กับนายจักรกฤษ หรือต้น อายุ 35 ปี อยู่หมู่ 11 ต.หนองใหญ่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ แล้วกลับไปบ้านพักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตำรวจตั้งข้อหานายพงษ์ศักดิ์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุถธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวูปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็น ตั้งข้อหานายอนุพงศ์ หรือออย คนขี่รถจักรยายนต์ไปส่งฐาน "ร่วมกันฆ่าผู้อื่น" ตั้งข้อหานายวงศ์ คนขับรถเก๋งมารับฐาน "กระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ ตั้งข้อหานายจักรกฤษ หรือต้น ที่รับฝากอาวุธปืนฐาน "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ"
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-3 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมายในส่วนผู้ต้องหาลำดับที่ 4 คือคนรับฝากปืนส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวหลังเดินทางมาปิดคดีนี้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ด้วยว่า ยอมรับว่าคดีนี้ทำยากเพราะคาบเกี่ยวสองจังหวัด ประกอบผู้ตายประกอบธุรกิจสีเทา และมีประวัติมาก่อนต้องสืบสวนอย่างระมัดระวัง แต่ขอชื่นชมตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่สามารถสืบจนจับตัวคนร้ายได้และถือว่ารวดเร็ว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี