ค่าย'โพชิมือ'แตก!!! 31 ทหารพม่าหนีเข้าไทย ชายแดนทองผาภูมิยังรบเดือด

ค่าย'โพชิมือ'แตก!!! 31 ทหารพม่าหนีเข้าไทย ชายแดนทองผาภูมิยังรบเดือด

วันพฤหัสบดี ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 19.52 น.

31 ทหารพม่าหนีเข้าไทยหลังจากค่าย “โพชิมือ”ตรงข้าม อ.อุ้มผาง ถูกตีแตก ภาคประชาสังคมวอนให้ดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามหลังจากสังหารหญิงท้อง ด้านชายแดนทองผาภูมิยังรบเดือด ชาวบ้านหนีตายมาฝั่งไทย

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-พม่า ตั้งแต่ฝั่งตรงกันข้ามอำเภออุ้มผาง  จังหวัดตาก ไปจนถึงอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างกองทัพพม่าและกองกำลังฝ่ายต่อต้านยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง


โดยในช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา มีรายงานว่าทหารพม่า 31 คน จากค่ายโพชิมือซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักจนต้องถอนกำลังหนีออกจากค่าย ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากกองบังคับการควบคุมยุทธการที่ 13 ค่ายโพชิมือ ตรงข้ามบ้านเปิงเคลิ่ง ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ได้หนีเข้ามายังฝั่งประเทศไทยและถูกทหารไทยควบคุมตัวได้บริเวณชายแดนบ้านเปิงเคลิ่ง โดยล่าสุดทหารพม่ากลุ่มนี้กำลังถูกนำตัวมายังพื้นที่ด้านความมั่นคงแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด และอาจจะถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศพม่าในเร็วๆนี้

ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวหลายสำนักระบุว่า ทหารพม่ากลุ่มนี้ได้สังหารชาวบ้านกะเหรี่ยงอย่างน้อย 3 คน และ 1 ในนั้นคือหญิงวัย 35 ที่กำลังตั้งครรภ์

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ภาคประชาสังคมในพม่าเริ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ทางการไทยควบคุมตัวทหารกลุ่มนี้ไว้ก่อน เพื่อส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาอาชญากรสงคราม เนื่องจากได้ก่อเหตุสังหารพลเรือนระหว่างการหนี ชาวบ้านจึงต้องการให้ทหารไทยควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินดำเนินคดีตามกฎหมายสากล

ขณะที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองกำลังทหารพม่า กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ในพื้นที่ชายแดนตรงข้ามบ้านปิล็อกคี่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันเดียวกันนี้มีชาวบ้านจากฝั่งรัฐกะเหรี่ยงอพยพหนีภัยการสู้รบข้ามแดนเข้ามาที่บ้านปล็อกคี่รวมแล้วประมาณ 300-400 คน

แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีชาวบ้านทั้งผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ หนีภัยจากการสู้รบเข้ามาอีก 30-40 คน จากการสอบถามพบว่า เดินทางมาจากบ้านวาปอ บ้านปะจอลอ บ้านยาพู และบ้านมอญ อยู่ห่างจากชายแดนไทย 10-20 กิโลเมตร ซึ่งชาวบ้านไม่สามารถอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านได้ เนื่องจากมีการสู้รบรุนแรงและมีเครื่องบินของกองทัพพม่าเข้ามาทิ้งระเบิดทำให้บ้านเรือนถูกไฟไหม้ จึงจำเป็นต้องหนีข้ามายังฝั่งไทยเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังมีชาวบ้านจำนวนมากที่ยังไม่ได้หนีข้ามมาฝั่งไทย โดยหลบซ่อนอยู่ในป่าใกล้ชายแดนไทย

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ชาวบ้านที่หนีภัยเข้ามาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ของญาติพี่น้อง และบางส่วนอาศัยอยู่ในป่าตามแนวตะเข็บ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีองค์กรใดๆเข้าไปให้ความช่วยเหลือและจัดการพื้นที่ จึงน่ากังวลว่าในระยะต่อไปข้าวปลาอาหารอาจไม่เพียงพอ รวมถึงการดูแลรักษาคนป่วย ซึ่งหากจะเร่งผลักดันชาวบ้านกลับตอนนี้ก็อันตราย

“ในพื้นที่หมู่บ้านปิล็อกคี่อาจจะไม่ได้ยินเสียงการสู้รบ แต่หากไปใกล้แนวชายแดนจะได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด และเสียงเครื่องบินเป็นช่วงๆ บางวันเงียบสงบ บางวันมีเสียงสู้รบต่อเนื่อง แสดงว่าสถานการณ์การสู้ในฝั่งเมียนมายังคงรุนแรง นอกจากนี้กองทัพกอทูเล (Kawthoolei Army : KTLA) ซึ่งให้การคุ้มกันและดูแลชาวบ้านที่หนีอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งเมียนมานั้น อาจมีเสบียงอาหารไม่เพียงพอรองรับชาวบ้าน ทำให้มีแนวโน้มว่าอาจมีชาวบ้านหนีเข้ามายังบ้านปิล็อกคี่เพิ่มขึ้น”แหล่งข่าว กล่าว

อนึ่ง พื้นที่บริเวณรัฐกะเหรี่ยงตรงบ้านปิล็อกคี่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มีฝ่ายต่อต้านสภาบริหารแห่งรัฐพม่า  (The State Administration Council -SAC)  หลายกลุ่ม อาทิ กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง(Karen National Liberation Army–KNLA) กองพล 4 แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) กองกำลังพิทักษ์ประชาชน ( People's Defence Force: PDF) และ กองกำลัง KTLA ซึ่งมีเนอดา เมี๊ยะ เป็นผู้นำ

ขอบคุณข้อมูล สำนักข่าวชายขอบ

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top