แก๊งโจ๋คึกคะนองตระเวนขี่ จยย.ปาระเบิดป่วนกลางถนน หน้า ธกส.และร้านขายผลไม้ในอำเภอปะคำ บุรีรัมย์ ช่วงกลางดึกสร้างความตื่นตกใจให้กับพ่อค้าแม่ค้า ปชช.เคราะห์ดีไม่มีใครบาดเจ็บ ผกก.นำเจ้าหน้าที่ ตร.ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดพบร่องรอยชิ้นส่วนคาดเป็นระเบิดประดิษฐ์เอง กำชับชุดสืบไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวดำเนินคดี

วันนี้ (16 ก.ค.67) พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ เถียรกิตติพงษ์ ผกก.สภ.ปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิเชียร พรหนองแสน รอง ผกก.สภ.ปะคำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนในเขตเทศบาลตำบลปะคำ รวมถึงร้านขายผลไม้ และหน้า ธกส.หลังได้รับแจ้งจากประชาชน และมีการโพสต์ลงในโซเชียลว่ามีวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์แล้วปาระเบิดป่วนตามถนนในเขตเทศบาล ด้านหน้า ธกส. และหน้าร้านที่ขายผลไม้เมื่อช่วงประมาณ 2 ทุ่มคืนที่ผ่านมา แม้จะไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ หรือข้าวของเสียหาย แต่ก็สร้างความตื่นตกใจให้กับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชน เพราะกลัวจะถูกลูกหลงจากระเบิดได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกล้องวงจรปิดของร้านผลไม้สามารถบันทึกเสียงระเบิด

สอบถามนายนพรุจ อายุ 31 ปี เจ้าของร้านขายผลไม้ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 20:00 น.คืนที่ผ่านมา (15 ก.ค.67) ตอนนั้นกำลังจะปิดร้าน ก็ได้ยินเสียงคล้ายยางระเบิดที่หน้าร้านดังไล่เลี่ยกัน 2 ครั้ง จึงเดินออกไปดูก็เห็นเพียงกลุ่มควัน และรอยคล้ายระเบิดที่พื้นถนน ห่างกันไม่นานก็ได้ยินเสียงดังขึ้นเป็นครั้งที่ 3 จังหวะนั้นก็มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป แต่มองไม่ทันว่ามากันกี่คนและรถกี่คัน

โดยจุดที่กลุ่มวัยรุ่นปาระเบิดใส่พื้นคือหน้า ธกส.ก่อนจะถึงร้านตนเอง และใกล้กับหน้าร้านขายผลไม้ของตนเอง จากลักษณะการปาคิดว่าน่าจะก่อเหตุด้วยความคึกคะนองมากกว่า เพราะไม่ได้เจาะจงปาใส่ใครหรือบริเวณไหน แม้การกระครั้งนี้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สร้างความตื่นตกใจให้กับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชน โดยเฉพาะเด็กและคนชรา ก็อยากฝากถึงกลุ่มวัยรุ่นว่าควรหยุดการกระทำดังกล่าว "เบาได้เบา" ก่อนที่จะมีใครโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะความคึกคะนอง 

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็พบเพียงร่องรอยการปาระเบิดตามพื้น และชิ้นส่วนของระเบิดบริเวณจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระเบิดที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง และน่าจะก่อเหตุด้วยความคึกคะนอง  เพราะไม่ได้เจาะจงปาใส่บุคคลใด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ มาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป