เตือน30จังหวัด

ทั่วไทยฝนถล่ม

‘สารคาม’ระทึก

2อ่างเก็บน้ำเต็ม

กรมอุตุฯเตือน 30 จังหวัด ฝนถล่มหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วน GISTDAเผยภาพถ่ายดาวเทียม พบน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรกว่า 118,621 ไร่นาข้าวเสียหายกว่า 2,843 ไร่ขณะที่ 2 อ่างเก็บน้ำใน จ.มหาสารคาม‘อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน-อ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง’ เกินความจุ กรมชลประทาน เร่งระบาย

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง “ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย” ฉบับที่14 มีใจความว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ อ่าวไทย ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ส่วนจังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้ ภาคเหนือ จ.เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และภาคใต้ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15–35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ระนอง และพังงา ตั้งแต่ จ.ภูเก็ต ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ตั้งแต่ จ.กระบี่ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่

ด้านกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากภาพดาวเทียม COSMO-SkyMed-2 ที่ติดตามสถานการณ์พื้นที่น้ำท่วม โดยพบจังหวัดที่มีน้ำท่วมขัง คือ เพชรบูรณ์ 43,416 ไร่ ชัยภูมิ 39,474 ไร่ พิษณุโลก 25,203 ไร่ และขอนแก่น 10,527 ไร่ รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมด 118,621 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ลุ่มต่ำ และริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลัก สายรองของพื้นที่โดยรอบ ซึ่งรวมถึงชุมชนที่อยู่อาศัย และเส้นทางคมนาคมบางส่วน ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวได้รับผลกระทบแล้ว 2,843 ไร่

ทั้งนี้ GISTDA ได้ส่งข้อมูลภาพจากดาวเทียมดังกล่าวให้กับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ เพื่อใช้สนับสนุนการบริหารจัดการตามภารกิจ ทั้งด้านการวางแผน และการติดตาม เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป

วันเดียวกัน ที่ จ.มหาสารคาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน และอ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ต้องเฝ้าจับตา ภายหลังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน รับน้ำฝนและน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินระดับเก็บกัก น้ำไหลล้นสปิลเวย์และไหลออกที่ฝายน้ำล้นฉุกเฉิน

ปัจจุบันระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน มีปริมาณน้ำ 10.881 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 135.61 ของปริมาณความจุอ่าง 8.024 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งน้ำที่ไหลล้นสปิลเวย์ และฝายน้ำล้นฉุกเฉิน จะไหลไปยังประตูระบายน้ำท่าสองคอน ก่อนลงสู่แม่น้ำชี โดยโครงการชลประทานมหาสารคาม ได้เร่งระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่ง ตลอดทั้งวัน มีการนำรถแบ็กโฮ เร่งกำจัดวัชพืชที่ขวางทางน้ำบริเวณฝายน้ำล้นฉุกเฉิน เปิดทางให้น้ำไหลสะดวกขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับปริมาณน้ำที่ล้นสปิลเวย์ครั้งนี้ ได้มีประชาชนมาเฝ้าติดตามด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดสถานการณ์น้ำท่วม โดยเมื่อปี 2565 อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน เคยเกิดรอยรั่วจนน้ำไหลท่วมเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม มาแล้ว ทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอย

ขณะที่ประตูระบายน้ำท่าสองคอน ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ยกบานระบายน้ำทั้ง 6 บาน เพื่อให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำชี และเดินเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง โดยสามารถสูบน้ำได้วันละ 432,000 ลบ.ม.อีกทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ หรือไฮโดรโฟว์ ขนาด 42 นิ้ว อีก 2 เครื่อง พร้อมรับสถานการณ์ ซึ่งจะสามารถสูบน้ำได้ 3,600 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ โครงการชลประทานมหาสารคาม ได้ทำหนังสือประกาศแจ้งเตือนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่อาศัยติดกับลำห้วยคะคาง และพื้นที่ท้ายอ่างฯ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันสถานการณ์น้ำใน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ยังไม่ถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากรมชลประทาน ได้เตรียมพร้อมในการช่วยเหลือเต็มความสามารถ

ที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด ได้เกิดฝนตกหนักตลอดทั้งวันอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลา12.30 น.สมาคมกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด เขตอำเภอเขาสมิง ได้รับแจ้งว่าถนนสายเขาสมิง-บ่อไร่ อ.เขาสมิง จ.ตราด มีน้ำท่วมถนน 2 ช่วง คือ บริเวณหน้าโรงงานสมิงฟุ้ด มีน้ำท่วม ผิวการจรจรทั้ง 2 เลน ความสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 200 เมตร จุดที่ 2 บริเวณใกล้เคียงทางเข้าสำนักสงฆ์เขามะพูด น้ำท่วมผิวการจรจรทั้ง 2 เลน ความสูงประมาณ 30 -40 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 200 เมตร โดยทั้ง 2 จุดไม่สามารถให้รถสวนทางกันได้ มีกระแสน้ำไหลแรงต้องปล่อยทีละเลนให้รถวิ่งกลางถนน

สถานการณ์ล่าสุดระดับน้ำยังคงที่และยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ทุกอำเภอของจังหวัดตราด มีฝนตกสะสมมากกว่า 100 มม. ในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่มีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ติดต่อกันมาหลายวัน ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องหาวิธีเร่งระบายน้ำออกจากนาข้าว ก่อนที่ต้นข้าวจะเน่าตายได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้

โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรอำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ ได้รับผลกระทบจามฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้นาข้าวถูกน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ ซึ่งอยู่ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน