‘แม่น้ำปาย’เริ่มลดระดับลง แต่‘ปภ.’ยังเฝ้าระวัง เหตุฝนยังตกต่อเนื่อง

4 สิงหาคม 2567 สำนักงานอุทกวิทยา บ้านท่าโป่งแดง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน (Sw.5A) ศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนบน สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยากรมชลประทาน รายงานผลการตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำปาย ที่บ้านท่าโป่งแดง ฯ เช้าวันนี้ ( 4 ) วัดปริมาณน้ำในแม่น้ำปายได้ 2.62 เมตร โดยเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2567 วัดได้ 2.76 เมตร , วันที่ 2 ส.ค.2567 วัดได้ 3.43 เมตร และ วันที่ 1 ส.ค.2567 วัดได้ 1.98 เมตร โดยจะเห็นว่าปริมาณน้ำได้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าสูงกว่าปกติ และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับสูงขึ้น หากมีฝนตกลงมาอีก โดยเฉพาะพื้นที่ต้นน้ำ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า

นายเรืองฤทธิ์ ผลดี ปภ.จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ทางกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแม่ฮ่องสอน (ปภ.) ยังคงมีการเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม อย่างต่อเนื่อง เพราะการพยากรณ์ของกรมน้ำยังคงชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสที่จะเกิดเหตุอุทกภัย จากฝนที่ยังตกในพื้นที่ของแม่ฮ่องสอนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปางมะผ้า และอำเภอสบเมย ระหว่างวันที่ 2 - 8สิงหาคม 2567

ทั้งนี้ จากการพยากรณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทาง ปภ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์จากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สภาวะอากาศและปัจจัยสภาพความเสี่ยงในพื้นที่ เพื่อประสานบูรณาการหน่วยงานพลเรือน ทหาร ตำรวจ เครือข่ายอาสาสมัครจิตอาสา ภาคเอกชนเตรียมพร้อมทรัพยากร แผนเผชิญเหตุ โดยให้ความสำคัญในการแจ้งเตือนพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในทุกช่องทาง

ขณะที่วานนี้ ( วันที่ 3 สิงหาคม 2567 ) นายปกรณ์ จีนาคำ สส.เขต 1 จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายชาตรี คำจิ่ง กำนันตำบลห้วยผา นายธนวัฒน์ เชาว์พิกุล ผู้ใหญ่บ้านแม่สะงา เดินทางลงพื้นที่เส้นทางการค้าชายแดนบ้านห้วยผึ้ง ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดดินสไลด์ ต้นไม้ล้มปิดทับเส้นทางคมนาคม ระหว่างบ้านห้วยทรายขาว – จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องทางบ้านห้วยผึ้ง จำนวน 3 จุดทำให้ รถส่งสินค้าจุดผ่อนปรนสินค้าชายแดนไม่สามารถสัญจรได้ ต่อมาทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีการแก้ไขปัญหาทำให้รถสามารถสัญจรผ่านไปมาได้แล้ว

นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังคงมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ายังมีอีกหลายจุดที่อาจจะเกิดเหตุดินสไลด์ปิดทับเส้นทาง หากว่ามีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะได้นำปัญหาด้านการคมนาคมในพื้นที่ และความเดือดร้อนของประชาชน แจ้งต่อที่ประชุมสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขและป้องกันปัญหาในระยะยาวต่อไป