ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวภายหลังประชุมหน่วยบริหารจัดการน้ำ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่าประเทศไทยยังคงมีอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางและหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้ทั่วทุกภูมิภาคยังคงมีฝนตกหนักแต่มีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง ยังมีปริมาณน้ำไม่มากนัก โดยปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 41,417 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 51% ของปริมาณการกักเก็บ และยังสามารถรับรองน้ำได้อีก 39,145 ล้าน ลบ.ม.ดังนั้นหากฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนจะเป็นผลดีที่จะมีน้ำกักเก็บไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งปี 2567/68 เพิ่มขึ้น
สำหรับการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยานั้น ขณะนี้ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก คือเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 9,795 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 39% ของปริมาณการกักเก็บ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 15,076 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลง เพื่อกักเก็บน้ำไว้สำรองใช้ในช่วงฤดูแล้งนี้ประกอบกับปริมาณฝนในช่วงนี้มีแนวโน้มลดลงดังนั้นเพื่อลดผลกระทบจากระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กรมชลประทาน ปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ลงจาก 800 ลบ.ม./วินาที เหลือ 750 ลบ.ม./วินาที พร้อมทั้งให้พิจารณาเพิ่มการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อผันน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออกมากขึ้น
ส่วนลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล ซึ่งเป็นอีกพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย กฟผ.และกรมชลประทาน ได้ประเมินสถานการณ์น้ำ ว่ามีแนวโน้มที่น้ำจะเต็มเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จึงขอเพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนจากปัจจุบัน 15 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็นไม่เกิน 20 ล้าน ลบ.ม./วันจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อให้เขื่อนสามารถรองรับน้ำช่วงกลาง-ปลายฤดูฝน ซึ่งกรมชลประทาน ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน เนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำพองและลำน้ำชียังต่ำกว่าตลิ่งพอสมควร อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้กำชับให้วางแผนบริหารจัดการน้ำให้รัดกุมครอบคลุมทั้งลุ่มน้ำ หากมีฝนตกหนักในพื้นที่ท้ายเขื่อน ต้องปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบผลการดำเนินงานของศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งใช้กลไกเร่งแก้ไขและคลี่คลายปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นใน จ.ตราด และ จ.มหาสารคาม ซึ่งถือเป็นตัวอย่างในการทำงานเชิงบูรณาการที่เป็นรูปธรรม และเตรียมเชิญกรรมการในหน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมลงพื้นที่ประชุมและติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อร่วมประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์จากข้อมูลในพื้นที่จริง โดยมีแผนจะจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ ก่อนเกิดภัยในหลายพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี