นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ครั้งที่ 2/2567 ว่าไม่ส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงอย่างเด็ดขาด ต้องกำจัดเท่านั้น ซึ่งกรมประมง จะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องการรับซื้อปลาหมอคางดำ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ สำหรับกรณีการตรวจสอบที่มาต้นทางการนำเข้าปลาหมอคางดำ หากมีหลักฐานที่ชัดเจน ก็ยินดีจะดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้อง

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ.2567–2568 ภายใต้กรอบ 5 มาตรการ 12 กิจกรรม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567-กันยายน 2568ซึ่งได้รวบรวมร่างแผนปฏิบัติการตามมติที่ประชุมคณะทำงานแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำระดับจังหวัด 16 จังหวัด โดยมอบหมายให้กรมประมง ประชุมร่วมกับจังหวัดอีกครั้งเพื่อทบทวนในรายละเอียด งบประมาณ เพื่อให้เหมาะสมในแต่ละกิจกรรมและครอบคลุมการแก้ปัญหา

สำหรับอีกมาตรการที่สำคัญ คือโครงการวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ เป็นการควบคุมการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ โดยทำให้ประชากรปลาหมอคางดำเป็นหมัน ศึกษาถึงประชากรปลาหมอคางดำพิเศษที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด (4n) จากนั้นจะปล่อยปลาหมอคางดำพิเศษลงสู่แหล่งน้ำ เพื่อให้ผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำปกติที่มีชุดโครโมโซม 2 ชุด (2n) การผสมพันธุ์นี้จะทำให้เกิดลูกปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซม 3 ชุด (3n) ซึ่งลูกปลาที่มีโครโมโซม 3 ชุดนี้จะกลายเป็นปลาหมอคางดำที่เป็นหมัน ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อได้ มีแผนปล่อยพันธุ์ปลาหมอคางดำ 4n ลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทยอยปล่อยอย่างน้อย 250,000 ตัว ภายในระยะเวลา 15 เดือน