รศ.นายแพทย์ สรนิต ศิลธรรม ประธานคณะที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาเครื่องโทคาแมค ในโอกาสครบรอบ 1 ปี พร้อมทั้งมอบนโยบายและตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ สทน. ณ อาคารปฏิบัติการโทคาแมค สทน.สำนักงานใหญ่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก โดยมี รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว.และคณะผู้บริหารกระทรวง ต้อนรับ
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสทน. ได้กล่าวรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาเครื่องโทคาแมคในโอกาสครบรอบ 1 ปี ว่า เครื่องโทคาแมค Thailand Tokamak-1 หรือเครื่อง TT-1 เป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชันของประเทศไทยซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการผลิตพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต
ระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา สทน. ร่วมกับ เครือข่าย ได้เดินเครื่องโทคาแมค TT-1 ด้วยตัวเอง ในรอบ 1 ปี สามารถเดินเครื่องไปทั้งหมด 1,285 ครั้ง โดยมีผลการเดินเครื่องที่ดีที่สุด (Best Record) โดยสรุปดังนี้ 1.กระแสพลาสมา สามารถเดินเครื่องได้กระแสพลาสมาสูงสุดคือ 85.4 กิโลแอมแปร์ (สูงขึ้น 17% ของค่าปฐมฤกษ์) 2.อุณหภูมิพลาสมา สามารถเดินเครื่องได้อุณหภูมิสูงสุดคือ 545,000 องศาเซลเซียส (สูงขึ้น 45% ของค่าปฐมฤกษ์) 3.ระยะเวลาที่สามารถควบคุมพลาสมา สามารถทำได้สูงสุด 122.94 มิลลิวินาที (นานขึ้น 40% ของค่าปฐมฤกษ์) และ 4.ประสิทธิภาพของฟิวชัน (fusion triple product) เพิ่มขึ้นประมาณ 44 เท่า ของค่าปฐมฤกษ์
นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยในประเทศ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมจำนวน 25 หน่วยงานจัดตั้งเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสมาและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชัน หรือ Centor for Plasma and Nuclear Fusion Technology (CPaF) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานความร่วมมือทางวิชาการในการวิจัยและพัฒนาพลาสมาและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชัน รวมทั้งเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรองรับเทคโนโลยีฟิวชัน และร่วมกันพัฒนาห้องปฏิบัติการขั้นสูงด้านพลาสมาและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชัน
และในปีที่ผ่านมามีการพัฒนาทางวิศวกรรมที่สำคัญ ซึ่งทีมนักวิจัยของ สทน. และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบวัดพลาสมาที่เรียกว่า “Langmuir Probe” หรือ LP ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการศึกษาพฤติกรรมของพลาสมาที่บริเวณขอบซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างพลาสมาหลักกับผนังเครื่อง LP ทำหน้าที่เสมือน “เซ็นเซอร์อัจฉริยะ” ที่วัดอุณหภูมิและความหนาแน่นของพลาสมาที่บริเวณขอบได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงมาก ระบบ LP ที่สร้างมีจำนวน 52 หัว ที่แยกอิสระต่อกัน นั่นคือสามารถปรับแต่งรูปแบบการวัดให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการทดลองในแต่ละครั้งได้การพัฒนา LP โดยทีมนักวิจัยไทยนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดงบประมาณ แต่ยังสร้างองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญให้กับวงการวิทยาศาสตร์ไทยเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานฟิวชันของประเทศ การพัฒนา LP สำหรับเครื่องโทคาแมค TT-1 นี้ เป็นโมเดลที่สร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงโดยฝีมือคนไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศไทย ความร่วมมือระหว่าง สทน. และมหาวิทยาลัยในเครือข่าย CPaF แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำงานร่วมกัน นำไปสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดและยั่งยืนสำหรับประเทศไทยในอนาคต
ในโอกาสนี้ รศ.นายแพทย์สรนิต ศิลธรรม ประธานคณะที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมรมว.อว. ได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้ สทน. การนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปสนับสนุนทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ได้แก่ การเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ขอใช้งานวิจัยและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีเพื่อส่งเสริม SME และอุตสาหกรรมในแขนงต่างๆ / upscale จาก lab scale สู่commercial scale เข้าถึงและสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้มากขึ้น เร่งยกระดับยกระดับขีดความสามารถทางด้านวิศวกรรมเนื่องจาก สทน. มีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมากมายที่ต้องอาศัยวิศวกรรม ประเทศไทยจึงควรเร่งพัฒนางานด้านวิศวกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยและกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเปลี่ยนบทบาท “จากผู้ซื้อเป็นผู้สร้าง” ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ประหยัดเงินที่จะต้องใช้นำเข้าเทคโนโลยี หากเราไปถึงจุดนั้นได้ประเทศเราเข้มแข็งขึ้นอย่างแน่นอน ดำเนินการโครงการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อเตรียมการไปสู่การมีโรงไฟฟ้าฟิวชันในอนาคต
“สทน.ควรมีบทบาทในระดับนานาชาติโดยเรื่องที่ สทน.มีความเชี่ยวชาญ คือ เรื่องอาหาร ซี่งกระแสของโลกเราในทุกวันนี้ คือ เรื่อง อาหารปลอดภัย และความยั่งด้านอาหาร(Food security & food sustainability) สทน. ในฐานะที่ทำงานวิจัยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในด้านอาหารและการเกษตร สทน.ควรนำผลงานวิจัยและงานบริการมาช่วยสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์การเกษตรของไทย เพิ่มคุณภาพสินค้าทางการเกษตรให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นนอกจากจะเป็นการช่วยส่งเสริมเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ยังเป็นการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสุดท้ายคือปัญหาโลกร้อน ถือเป็น Global Issue สทน. ต้องมีนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอนได้ในปี 2050 ให้ไทยเป็นประเทศ Net zero และ carbon neutrality ได้โดยสมบูรณ์ประธานคณะที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม รมว.อว. กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี